กทม.17 พ.ค.- “ศรีวราห์” ตรวจปืน 23 กระบอก ที่กองปราบยึดจากบ้านพักในซอยมิสทีน หลังขยายผลคดีเงินทอนวัด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบอาวุธปืน 23 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนปืน 1,055 นัด ที่ตำรวจกองปราบ ยึดมาจากบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถ.ราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) เขตสะพานสูง ของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารประจำ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย หลังสืบทราบว่า น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่บ้านและพักอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือ เงินทอนวัด จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบเป็นนอมินี เปิดบริษัทและรับโอนเงินจากพระชั้นผู้ใหญ่ วัดดังในพื้นที่กรุงเทพฯ รวม 25 ล้านบาท จึงนำกำลังเข้าตรวจค้น พบอาวุธปืนดังกล่าว
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสิรฐสุข ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีทะเบียนปืน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า มีใบ ป.4 หรือใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้มีอาวุธปืนไว้เพื่อเก็บ ให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนชั่วคราว ถูกต้องหรือไม่
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า มาตรวจสอบอาวุธปืน ที่อยู่ในความครอบครองของ ร.ท.ฐิติทัศน์ เบื้องต้น ถือว่าเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล พร้อมสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบ รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับมาดำเนินคดี ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องผิดปกติที่ทหารซึ่งได้รับการบรรจุเมื่อปี 2559 จะมีอาวุธปืนและทรัพย์สินจำนวนมากอยู่ในความครอบครอง ส่วน ร.ท.ฐิติทัศน์ จะเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดและทรัพย์สินได้มาจากเงินทอนวัดหรือไม่ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นพบว่าเกี่ยวข้องกับ น.ส.นุชรา แน่นอน เพราะคดีนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าแจ้งความให้กองปราบดำเนินคดี น.ส.นุชรา หลังพบว่ามีการรับโอนเงินจากพระผู้ใหญ่จำนวน 25 ล้านบาท ส่วนกระแสข่าว แม่ ร.ท.ฐิติทัศน์ เปิด บ. ดีดี ทวีคูณ รับผลิตสื่อและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทางวัดดัง โดยให้แม่บ้านเปิดบัญชี รับโอนเงินจากวัดอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน พล.ต.คณิศร สุนทรธีมากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย ระบุว่า อยู่ระหว่างรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเรื่องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ร.ท.ฐิติทัศน์ และรอผลสอบสวนจากกองปราบ ในส่วนของทหาร ไม่ได้จำกัดจำนวนปืนที่ทหารแต่ละนายจะครอบครองได้ มองว่า ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและฐานะทางการเงิน
สำหรับ น.ส.นุชรา อยู่ระหว่างให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อหาความเชื่อมโยงในคดีเงินทอนวัด โดยยังไม่มีการแจ้งดำเนินกล่าวข้อหา
มีรายงานว่า การสอบปากคำ น.ส.นุชรา เบื้องต้นทราบว่า มีอาชีพขายลูกชิ้นอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง แต่มาทำงานเสริมเป็นแม่บ้านที่บ้านหลังดังกล่าว ช่วยเลี้ยงดูบุตรให้เจ้าของบ้าน และพบว่ามีทะเบียนบ้าน อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ โดยยอมรับว่า เป็นผู้รับโอนเงินจากทางวัดแล้วมีการเบิกเงินออกมาจริง เนื่องจากคนในบ้านคนหนึ่งที่สนิทสนมกัน ขอให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร โดยหลังจากที่มีเงินเข้ามา ก็จะไปถอนออกมาให้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบความผิดถึงผู้ใดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไท