กทม. 5 พ.ค. – เมื่อวานนี้ น.ส.รัตติกาล และ นายมาร์เซล เลออง โบเรล พ่อแม่ของ 4 พี่น้องลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ เดินทางมารับศพลูกชายคนเล็ก เสียชีวิตจากเหตุตกตึก 4 ชั้น
จากเหตุเด็ก 4 พี่น้องลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ ประกอบด้วย ด.ญ.ดีมา พาเมลา โบเรล อายุ 11 ขวบ ด.ช.ลูก้า ฟรองชัว โบเรล อายุ 10 ขวบ ด.ญ.ชนิดา เดล โบเรล วัย 7 ขวบ ตกจากระเบียงห้องพักชั้น 4 หอพักเกศรี ในซอยรามคำแหง 34 ได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ รพ.แพทย์ปัญญา กับ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ส่วน ด.ช.คนัธชา ริคกี้ โบเรล วัย 5 ขวบ น้องชายคนเล็ก เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยทั้ง 4 คนเป็นลูกของ น.ส.รัตติกาล ประกายแก้ว อายุ 36 ปี
เมื่อวานนี้ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ น.ส.รัตติกาล ได้เดินทางเข้ารอรับศพ ด.ช.คนัธชา ริคกี้ โบเรล หรือ น้องอเล็กซ์ วัย 5 ขวบ โดย น.ส.รัตติกาล เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ได้นำเสื้อยืดรูปเล็ก คาราบาว มาใส่ให้น้อง เพราะน้องชอบ เล็ก คาราบาว มาก และเอากางเกงตัวโปรดของน้องมาใส่ให้ พร้อมรองเท้านักเรียนสีดำที่น้องชอบใส่ และถ้ามีโอกาสจะแต่งหน้าให้น้องเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย ส่วนอาการของลูกอีกทั้งสามคน ด.ญ.ดีมา อาการดีขึ้นมาก และ ด.ช.ลูก้า อาการดีขึ้นคาดว่าจะออกจากห้องไอซียู 2-3 วันนี้ ส่วน ด.ญ.ชนิดา เดล โบเรล อายุ 7 ขวบ ที่ยังไม่รู้สึกตัว วันนี้มีสัญญาณที่ดีขึ้น หมอลดปริมาณยาลง และรู้สึกดีใจที่ลูกต่อสู้ที่จะมีชีวิต
น.ส.รัตติกาล กล่าวด้วยว่า ขอบคุณทุกคนที่โอนเงินบริจาคช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากนี้จะนำเงินไปดูแลรักษาลูกทั้ง 3 คน และจะนำเงินส่วนหนึ่งไปเป็นทุนประกอบอาชีพ เพราะไม่อยากออกไปทำงาน และทิ้งลูกไว้ตามลำพังอีกแล้ว
นายมาร์เซล เลออง โบเรล พ่อของเด็กทั้ง 4 คน ผู้สื่อข่าวที่ติดตามทำข่าวบอกว่า ตลอดทางที่นั่งรถมายังสถาบันนิติเวชวิทยา นายมาร์เซล มีอาการโศกเศร้าและร้องไห้ตลอดเวลา เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้พบหน้า ด.ช.คนัธชา ลูกชายคนเล็ก หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ 4 ปี โดยบรรยากาศตอนรับศพ ด.ช.คนัธชา เป็นไปด้วยความเศร้าสลด ทั้ง น.ส.รัตติกาล และนายมาร์เซล ต่างพากันร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจในช่วงตอนนำศพลูกสุดที่รักใส่โลงแล้วนำไปขึ้นรถเป็นที่น่าเวทนาต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ พ่อเด็ก คือ นายมาร์เซล เลออง โบเรล ที่เลิกรากันแล้วพยายามจะนำศพ ด.ช.คนัธชา ออกจากสถาบันนิติเวชไปบำเพ็ญกุศล แต่ น.ส.รัตติกาล ไม่ยอม ทำให้ทั้งคู่ต้องไปตกลงกันที่ สน.หัวหมาก โดยตำรวจเจรจาไกล่เกลี่ยจน น.ส.รัตติกาล ยอมให้ นายมาร์เซลไปรับศพและร่วมงานศพลูกได้ โดยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับเขตประเวศเป็นคืนแรกที่วัดจันทวงศาราม (วัดกลาง) ซอยลาดพร้าว 132 เป็นเวลา 5 วัน ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 9 พ.ค.นี้
รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว แถลงข่าวเมื่อวานนี้ เรื่อง “บทเรียนกรณีเด็กตกตึตกและเด็กตายในเนิร์สเซอรี่” โดย ระบุว่า ในรอบ 5 ปีเกิดอุบัติเหตุกับเด็กปฐมวัยสูงขึ้น ส่วนใหญ่มาจากการปล่อยเด็กไว้เพียงลำพัง แนวทางการแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้นกับเด็กในปัจจุบัน คนในชุมชนควรตระหนักเป็นหูเป็นตาดูแลเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ขวบอย่างใกล้ชิด เกิดเหตุด่วนแจ้งที่สายด่วน 1300 ทันที และในอนาคตกระทรวงศึกษาธิการ ควรเพิ่มหลักสูตรในการฝึกทักษะให้กับเด็กตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงอายุ 15 ปี ต้องฝึกทักษะ “HOME ALONE” เช่น ทักษะการว่ายน้ำ ป้องกันเด็กจมน้ำ การดูแลตัวเองเมื่อต้องอยู่เพียงลำพัง และการดูแลผู้อื่น เป็นต้น
สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของเด็ก พบรายงานชื่อว่า “ผลการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุรอบทศวรรษ ปี 2546-2556 โดยระหว่างปี 2545-2556 มีเด็กไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 34,877 คน แบ่งเป็นในปี 2545 เสียชีวิต 3,730 คน ส่วนอีก 10 ปีถัดมาในปี 2556 เสียชีวิต 2,636 คน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตหลักๆ มี 2 สาเหตุ คือ จมน้ำ และ อุบัติเหตุจราจร
ข้อมูลระดับมหภาค ซึ่งสำรวจโดย UNICEF เมื่อปี 2550 พบว่า 5 สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กทั่วโลกเสียชีวิต ได้แก่ อุบัติเหตุบนท้องถนน, จมน้ำ, ไฟลวก, ตกจากที่สูง และการได้รับสารพิษ .- สำนักข่าวไทย