พิจิตร 25 เม.ย.-ชาวนานอกเขตชลประทานในอำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร พลิกวิกฤติช่วงฤดูหน้าแล้ง หันมาปลูกมะระจีน ลูกใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ย 1 กิโลกรัม จำหน่ายราคากิโลกรัมละ 8-25 บาท มียอดจองซื้อเพียบ
ที่แปลงนาในหมู่ 9 บ้านหนองจิกสี ตำบลแหลมรัง อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร นางประนอม ครามอยู่ เกษตรกร นำตะกร้าพร้อมอุปกรณ์เลือกตัดมะระจีนที่มีขนาดของผลแก่เต็มที่ เพื่อส่งจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในจังหวัดและอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจะมารับซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ
การปลูกมะระจีนเริ่มต้นไถพรวนดินให้มีความร่วนซุย พร้อมกับยกดินให้เป็นร่อง จากนั้นนำต้นกล้าที่เพาะไว้มาปลูกลงในแปลง ทำค้างด้วยไม้ไผ่หรือทำร้าน เนื่องจากมะระจีนเป็นพืชตระกูลล้มลุก จึงต้องทำค้างหลังการปลูกด้วยการขุดหลุมฝังเสาในระยะ 1-2 เมตร โดยให้มีความสูงอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อให้ยอดของมะระสามารถเลื้อยไปตามค้าง สำหรับการปลูกมะระจีนใช้ระยะเวลาการเพาะปลูกเพียง 50 วัน ก็เริ่มให้ผลผลิตและสามารถเก็บผลผลิตได้ ที่สำคัญเป็นพืชใช้น้ำน้อย สามารถปลูกและให้ผลผลิตเจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูแล้ง
นอกจากนี้มะระจีนของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่บ้านหนองจิกสีไม่ได้ใช้สารเคมี ใช้สารชีวภาพที่ผลิตขึ้นเอง ทำให้ผลผลิตปลอดสารพิษและมีรสชาติหวานอย่างธรรมชาติ ส่วนผลที่มีขนาดใหญ่ก็ใช้ปุ๋ยคอกในการบำรุงรากและลำต้น เพื่อให้ได้ผลผลิตเฉลี่ยลูกละ 800 กรัม ถึงกว่า 1 กิโลกรัม
นางประนอมเล่าว่า เดิมพื้นที่ดังกล่าวจำนวน 2 ไร่ เคยทำนา แต่ช่วงฤดูแล้งจึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส หันมาปลูกมะระจีน โดยจำหน่ายราคากิโลกรัมละ 8-25 บาท ในขณะนี้มีออเดอร์จองซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องตัดผลผลิตแบบวันเว้นวัน และเก็บผลผลิตแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 200-300 กิโลกรัม สามารถทำเงินสร้างรายได้หลักพันบาทต่อการเก็บผลผลิต 1 ครั้ง และทดแทนการทำนาปลูกข้าวช่วงฤดูแล้งได้เป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย