รร.มิราเคิลฯ 9 เม.ย. – รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปภาคเกษตรลดเหลื่อมล้ำ ดึงเกษตรจังหวัดปฏิรูปรายย่อย เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้หลุดพ้นความยากจน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาการขับเคลื่อนการปฏิรูปภาคเกษตร ว่า รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟ ถนน สนามบิน อุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ดิจิทัล 4.0 นับว่าคืบน่าจนพอใจในการปฏิรูปพื้นฐานประเทศ ดังนั้น ขั้นต่อไปจึงต้องการชักชวนเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ร่วมกันยกระดับเกษตรกร เพราะไทยยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหารายได้ ยอมรับว่าไทยไม่ได้อยู่ในประเทศมีรายได้ปานกลางอย่างแท้จริง เพราะเกษตรกรยังมีรายได้ยากจน ก้าวต่อไปจึงต้องเน้นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหารายได้ภาคเกษตร เนื่องจากไทยมีศักภาพด้านการเกษตร แต่ส่วนแบ่งจากรายได้ภาคการเกษตรไม่ถึงร้อยละ 10 ของจีดีพี จึงต้องดึงทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รวมทั้งเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัดที่มาร่วมประชุมสัมมนาวันนี้ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร
สำหรับการปฏิรูปภาคเกษตรครั้งใหญ่ ต้องดำเนินการผ่านหลายมิติ ทั้งมิติด้านการยึดศาสตร์พระราชาเศรษฐกิจแบบพอเพียงเป็นแนวคิดในการประกอบอาชีพ ผสมผสานกันแนวคิดใหม่ เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนสู่เวทีโลกผ่านตลาดออนไลน์ มิติด้านการตลาดเป็นตัวนำ ต้องให้ความรู้ ข้อมูล ความเสี่ยงกับเกษตรกรในการพัฒนาอาชีพ หรือเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยมีแหล่งตลาดรับซื้อสินค้าชัดเจน ผ่าน ธ.ก.ส. และกระทรวงเกษตรฯ ช่วยดูแลพัฒนาคุณภาพสินค้า หากต้องการทุนมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคอยช่วยเหลือ ตลาดประชารัฐคอยรับซื้อสินค้า การทำตลาดต้องร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขายสินค้าผ่านออนไลน์ เมื่อมีสินค้าคุณภาพเข้มแข็งแล้ว มีการสร้างแบรนด์ในชุมชน จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนได้อีกมิติหนึ่ง เพราะไทยมีจุดแข็งเรื่องธุรกิจบริการ การท่องเที่ยวเมืองรองจะเติบโตตามไปด้วย รายได้ การพัฒนาเมืองจะกระจายไปหลายจังหวัดมากขึ้น
นายสมคิด ย้ำว่า อนาคตเกษตรกรต้องไม่ยึดติดกับการประกันพืชผลทางการเกษตรและการจำนำสินค้าเกษตร เพื่อบิดเบือนราคาตลาดหวังผลทางการเมือง แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลราคาสินค้าเกษตรไม่ให้ตกต่ำ แต่ได้หันมาเน้นการอุดหนุนค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนส่วนเกินให้เกษตรกร ยอมรับปีนี้ราคาข้าว ยางพารา และปาล์มจะตกต่ำ แต่เริ่มดีขึ้นหลายรายการ จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในตรวจสอบสตอกทั้งหมดและนำมาบริหารให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ราคาลดลงจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำชับให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯปรับเปลี่ยนหน้าที่ตัวเองเป็นผู้ฝึกสอนในการปฎิรูปโครงสร้างการเกษตร 20 โครงการ ทั้งภาคการผลิต และการตลาด เพื่อเพิ่มความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านงบกลางที่มีอยู่ 24,000 ล้านบาท และจัดทำเว็บไซต์กลาง เพื่อแสดงสินค้าเกษตรทุกประเภท เพื่อให้ส่วนกลางจัดส่งข้อมูลต่อให้กับหอการค้าไทย ผลักดันให้เอกชนขนาดใหญ่นำสินค้าเกษตรส่งออกไปตลาดต่างประเทศง่ายขึ้น ขณะเดียวกันต้องการให้ 14 กรมในสังกัดกระทรวงบูรณาการกันอย่างแท้จริง พร้อมทั้งประสานงานกับเอกชนขนาดใหญ่และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้มาทำ CSR เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรมากขึ้น ทั้งการจัดฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ หรือให้เครื่องมือทางการเกษตรใหม่ ๆ กับเกษตรกร เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร.-สำนักข่าวไทย