จันทบุรี 6 ก.พ.-นายกรัฐมนตรี พบปะกลุ่มเกษตรกรสวนผลไม้จังหวัดจันทบุรี ระบุขอให้รับฟังรัฐบาล ที่ทำงานด้วยความจริงใจ และมุ่งหวังแก้ปัญหาให้ประชาชน เชื่ออีซีซี เกิดการสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ขออย่าคัดค้านจนไม่สามารถเกิดโครงการได้
จ.จันทบุรี 6 ก.พ.-ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางมายังสหกรณ์การเกษตรมะขาม จำกัด ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการจัดการผลไม้อย่างครบวงจร ที่มุ่งสู่การเป็นมหานครผลไม้โลก และพบปะกลุ่มเกษตรกรผู้ประกอบการแปรรูปผลไม้
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้ชมวีดิทัศน์ทิศทางการพัฒนาภาคตะวันออก และรับฟังรายงาน เกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์ผลไม้ และการจัดทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU ในการผลักดันยุทธศาสตร์และการเชื่อมโยงตลาดผลไม้ รวมถึงเป็นประธานสักขีพยาน เนื่องในโอกาสที่กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหอการค้าไทย จัดให้มีการลงนาม MOU ความร่วมมือการผลักดันประเทศไทย เป็นมหาอำนาจด้านผลไม้เมืองร้อนของโลก และ MOU เชื่อมโยงตลาดผลไม้ระหว่าง หอการค้าแหล่งผลิตกับหอการค้าที่เป็นตลาดรองรับในประเทศและต่างประเทศ ตามยุทธศาสตร์ผลไม้ และนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินในชุมชนภาคตะวันออก และเป็นสักขีพยานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบเงินสนับสนุนส่งเสริมสหกรณ์การเกษตร
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า ยินดีที่ได้มาพบกัทุกคน การลงพื้นที่ก็เพื่อติดตามรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่จริง ซึ่งวันนี้การทำงานต้องทำด้วยข้อเท็จจริง ต้องนำหลักวิชาการ และประสบการณ์จากการเป็นทหาร มาใช้ และตนเป็นทหาร จะพูดความจริง ไม่เคยโกหก เพราะเป็นนทหารที่ถวายสัตย์ปฎิญาณมาแล้ว ยืนยันมีความจริงใจ ที่อยากพัฒนาประเทศ ใช้หลักเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ที่มีแบบแผน และหลายเชื้อชาติ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ภาคตะวันออกมีศักยภาพทั้งด้านอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว นำไปสู่การพัฒนาอาชีพ ให้ประชาชนมีรายได้ที่พอเพียง พัฒนาไปกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และที่ผ่านมาตลอด 3 ปี รัฐบาลรับฟังปัญหา จนนำไปสู่การแก้ไข จากปัญหามากกว่า 4 ล้านเรื่อง สามารถแก้ไขไปได้ถึงร้อยละ 90 ยืนยันว่า ตนเอง และ ครม. มีความมุ่งหวังช่วยเหลือประชาชน มุ่งไปสู่การปฎิรูปประเทศ เช่นเดียวกับการปรองดอง ต้องสร้างจากความร่วมมือของทุกคน ที่สำคัญกฎหมาย ให้ความเท่าเทียมกับทุกคนแล้ว ทั้งนี้ ขอให้ลดปัญหาความขัดแย้งในประเทศโดยเฉพาะในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่สามารถรับประกันได้ว่าอนาคตจะเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ก็จะดูแลความเรียบร้อยและความสงบของบ้านเมืองให้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนเชื่อในตัวกฎหมายอย่าเชื่อคำบิดเบือนไปมา
นายกรัฐมนตรี ยังให้ความมั่นใจว่าการเกิดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และจะสร้างรายได้ให้ทุกคนในพื้นที่ พร้อมรับปากจะดูแลประชาชน อย่างเต็มที่ ขออย่าให้เกิดการต่อต้าน จนไม่ทำให้เกิดโครงการได้ แต่ในพื้นที่ต้องเตรียมแรงงาน และการใช้เทคโนโลยี ที่นำไปสู่การลดต้นทุนการผลิต
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหา สลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ ว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นของใครย่อมรู้อยู่แก่ใจและคนเราต้องมีจิตสำนึก เรื่องนี้ทำให้เสียเวลาและเสียสุขภาพจิต เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาราคาสลากกินแบ่งราคา 80 บาทก็ได้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคน ในการที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้คนจันทบุรีฟังตนเองด้วย เพราะพูดมา 3 ปี แล้ว และไม่ใช่เป็นการนำเงินมาให้แล้วจบ แต่ต้องช่วยกันคิดเพื่อพัฒนาในอนาคต และวันนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ขึ้นทะเบียนแรงงานและประมงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส อีกทั้งรัฐบาลยังเดินหน้าในการสร้างสนามบินอู่ตะเภา เชื่อมโยงการคมนาคม รถไฟความเร็วสูง มายังภาคตะวันออก ขณะที่ปัญหาที่ดิน รัฐบาลกำลังเดินหน้าพิจารณา ให้เข้าใช้เป็นพื้นที่ทำกิน ให้มีการขออนุญาติขึ้นมาตามขั้นตอน แต่ยืนยันพื้นที่ที่ให้ไป ไม่สามารถที่จะขายทอดตลาดได้
ช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีประกาศว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคการเมือง มีพรรคเดียว คือ พรรคผ่อนยังไม่ได้ จึงขอให้ทุกคนเห็นใจกันบ้าง และได้ถามประชาชนว่าเชื่อใจตนเองหรือไม่ ถ้าเชื่อใจให้ลุกขึ้น ทำให้ประชาชนลุกขึ้นยืน และตอบว่าเชื่อ
สุดท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เกิดความรุ่งเรืองขึ้นในประเทศไทยและด้วยความเชื่อมั่นประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ออกมาเป็นในรูปแบบประชารัฐ เป็นไทยนิยมที่มีความงามความดีให้กับประเทศ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ผลไม้และผลไม้แปรรูปของจังหวัดจันทบุรี และกลุ่มเกษตรกรการพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพและแปรรูปแบบยังยืน พร้อมกันนี้ยังชิมผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจันทบุรี ทั้ง ลำไย มังคุด ทุเรียน ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่จังหวัดจันทบุรี นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ.-สำนักข่าวไทย