ตลท. 6 ก.พ. – ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ระหว่างวันลดลงกว่า 50 จุด ก่อนปิดที่ 21.89 จุด มูลค่าซื้อขายกว่า 124,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดที่ระดับ 1,788.43 จุด ลดลง 21.89 จุด (-1.21%) มูลค่าการซื้อขาย 124,498.18 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 1 ปี 4 เดือน (จากเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 มูลค่าการซื้อขายสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตลาดอยู่ที่ 130,152.19 ล้านบาท) โดยดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (6 ก.พ.) เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันปรับตัวลงไปมากกว่า 50 จุด แต่พอมาในช่วงบ่ายดัชนีฯ ดีขึ้นตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สได้ดีดตัวขึ้น และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง โดยดัชนีฯ แตะจุดสูงสุดที่ 1,792.17 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,758.31 จุด
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้จะมีการปรับฐานหลังจากปรับตัวขึ้นมามาก ประกอบกับ ดัชนีดาวน์โจนส์ร่วงลงมาแรงต่อเนื่อง 2 วันทำการแล้ว เป็นผลที่ตลาดฯ กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น แต่เชื่อว่าเป็นปัจจัยระยะสั้น เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว จึงไม่ใช่สาเหตุมาจากวิกฤติ จึงควรรอดูสถานการณ์สักระยะหนึ่งก่อน เพราะแม้ว่านักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องในตลาดหุ้น แต่มีเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้มาแล้ว 800,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนะให้หาโอกาสทยอยซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และคาดว่าปีนี้เติบโตได้ถึงร้อยละ 4 โดยการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ขยายตัวได้ดียังสนับสนุนต่อเนื่องจากปีก่อน มองกรอบดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,680-1,900 จุด
ด้านประเภทสัดส่วนนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 4,443.71ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 951.51 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,198.95 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 7,594.17 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย