กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.- “สมชัย” แนะ จับตาอำนาจรัฐแทรกแซงเลือกตั้ง หาก คสช.สืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม นำสังคมสู่ความเป็นปกติสุขไม่ได้ ด้าน “ศุภชัย” หวั่น กกต.ใหม่ไม่เป็นกลาง เสนอบรรจุ อำนาจกองทัพในรัฐธรรมนูญ “ไพบูลย์” ชี้แผนปฏิรูปการเมือง ขาดรูปธรรม นำไปปฏิบัติ แถมให้ความสำคัญเรื่องเงิน เสี่ยงหายนะมากกว่าแก้ปัญหา ขณะที่ “สุริยะใส” ไม่ต้องนิรโทษแกนนำ แต่ให้นิรโทษ คดีของประชาชน
คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองได้จัดรับฟังความคิดเห็น ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง โดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการฯ เสนอแผน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านแรกการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,กลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีและการรู้จักรักสามัคคีของสังคมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต,การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรม , การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อการปฏิรูปประเทศ และการสร้างรัฐธรรมาธิปไตย
โดยมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยจังหวัดสงขลา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายสุภาพ คลี่ขจาย ประธานชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เข้าร่วมแสดงความเห็น
ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นห่วงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ว่าจะจะมีความเป็นกลางหรือไม่ เนื่องจากยังมีข้อครหาว่าได้รับการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสุจริตเที่ยงธรรม หาก คสช.ไม่สืบทอดอำนาจและลงมาเป็นผู้เล่นทางการเมืองเอง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ประชาธิปไตยที่ดีต้องมีการเลือกตั้งที่ดี ซึ่งการจะได้การเลือกตั้งที่ดีต้องมีปัจจัยหลายอย่าง คือ กติกาต้องดี แต่เห็นว่ากติกาที่ออกแบบใหม่ยากที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จในการเลือกตั้ง ซึ่งหากมีการปลดล็อคพรรคการเมืองตามที่นายกรัฐมนตรีระบุ และกฎหมายลูก 4 ฉบับแล้วเสร็จต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน พรรคการเมืองจะมีเวลาในการเตรียมการตามกฎหมายอย่างมากที่สุดไม่เกินสองเดือนครึ่ง การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการเลือกตั้งคือ กกต.ที่คาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งประมาณกลางเดือนมีนาคม 2561 จากนั้นจะต้องจัดการทุกอย่างในเวลาที่จำกัด จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่ดีได้แค่ไหน
ส่วนผู้เล่นคือนักการเมืองหากปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมามีการใช้สามอำนาจ คือ อำนาจเงิน อำนาจอิทธิพล และอำนาจรัฐ ซึ่งตนเชื่อว่าอำนาจอิทธิพลในระดับท้องถิ่นลดน้อยลง เจ้าพ่อเจ้าแม่ในพื้นที่ตายหมดแล้ว ส่วนอำนาจเงินแม้จะยังมีผลอยู่ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งยังเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้เงิน แต่ก็เสื่อมถอยไปเยอะ ดังนั้นอำนาจที่น่ากลัวที่สุดคืออำนาจรัฐ ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยของการเลือกตั้ง
นายสมชัย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ยุ่งกับพรรคการเมืองไหนเลย ไม่เอาตัวเข้าไปสนับสนุนพรรคการเมืองเพื่อวางแผนสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่ดี แต่ถ้าคิดว่าจะต้องเข้าไปมีโอกาสมีตำแหน่งในรัฐบาลหน้า อำนาจนี้จะน่ากลัวมาก เพราะจะถูกถ่ายทอดเข้าไปสู่ข้าราชการที่เป็นกลไกของการเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ที่จัดการเลือกตั้งว่าจะมีความเกรงใจรัฐบาลเพราะได้รับการส่งเสริมเข้ามาหรือไม่ จะมีความกล้าหรือไม่ ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ ถ้าไม่เป็นหนี้บุญคุณต่อกัน เป็นคนของเขาอยู่หน้าห้องเขา จึงเป็นสิ่งที่น่าห่วงว่าจะทำงานได้ดีอย่างเต็มที่หรือไม่
นายสมชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ดูคือประชาชนก็คาดหวังไม่ได้ เพราะยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่รู้สึกว่าการเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมเป็นหน้าที่พลเมือง แต่คิดว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ส่วนกลุ่มเอ็นจีโอนั้นหลายองค์กรก็เป็นองค์กรจัดตั้งทำหน้าที่เป็นพิธีกรรมรองรับความถูกต้องของการเลือกตั้ง ขณะที่กลุ่มสื่อปัจจุบันต้องถามว่ามีกี่สำนักที่เป็นกลางดูแลการเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา เพราะสื่อจำนวนหนึ่งเลือกข้างบางส่วนติดกับกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง จึงต้องหาทางสนับสนุนสื่อที่เป็นกลางให้ทำงานได้อย่างเต็มที่
“ถ้าต้องการสังคมที่ไม่มีความขัดแย้งต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม แต่กติกาก็ไม่เป็นธรรม ผู้เล่นก็มีความได้เปรียบ เสียเปรียบ ถ้าเป็นอย่างนี้อย่าหวังว่าหลังเลือกตั้งสังคมจะปกติสุข วันนี้ยังทันที่จะปรับปรุงในเรื่องที่ไม่แฟร์เกม อย่าคิดมุ่งเอาชนะมากเกินไป ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม หากทำได้สังคมปกติก็จะกลับคืนมา” นายสมชัย กล่าว
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร กล่าวว่า การสรรหา กกต.ซึ่งได้ว่าที่ กกต.มาแล้ว ยังเป็นห่วงเรื่องความเป็นกลาง แม้จะบอกว่าเป็นเสป็คเทพแต่ก็เชื่อว่า กกต.ชุดใหม่จะทำงานได้ไม่ดีกว่า กกต.ที่กำลังถูกเซ็ตซีโร และหากรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการจะสืบทอดอำนาจ อีกไม่นานความจริงจะปรากฏ โดยเฉพาะการตั้งพรรคการเมือง และการที่ยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง อาจเป็นเพราะอยู่ระหว่างเตรียมการบางอย่าง จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ถ้าคสช.ลงมาเป็นผู้เล่นด้วย นอกจากนี้ตนเห็นว่าควรมีการบรรจุอำนาจกองทัพไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลด้วย เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดความขัดแย้งกองทัพก็ออกมา จึงควรสร้างให้เห็นชัดเจนว่า อำนาจกองทัพเป็นอำนาจที่มีอยู่จริงและควรถูกตรวจสอบ ถ่วงดุล เหมือนองค์กรอิสระ
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า สภาวะเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะนำประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยมีการใช้ภาวะที่ประชาชนผวากับนักการเมืองมาล้อมกรอบการเคลื่อนไหวของประชาชน และเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐที่ลุกลามมากขึ้น เรื่องของรัฐธรรมาธิปไตย ต้องทำให้ความชอบธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นความชอบธรรม นอกจากนี้ในแผนปฏิรูปการเมืองเรื่องความปรองดองก็เขียนไว้ไม่ชัด เขียนแบบนี้ไม่ต้องเขียนจะดีกว่า สำหรับเรื่องการปรองดองนั้น ไม่ต้องนิรโทษกรรมแกนนำ แต่ขอให้นิรโทษกรรมให้ประชาชนที่เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลแล้วถูกดำเนินคดี โดยรัฐบาลไม่ควรเป็นศัตรูกับประชาชน
ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า การทำแผนปฏิรูปด้านการเมืองไม่อยากให้เป็นแค่แผนแต่ต้องเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่อยู่บนหิ้งแล้วไม่ได้ทำอะไร โดยการเลือกตั้งที่สุจริตจะเป็นหัวใจในการปฏิรูปการเมือง และสร้างรัฐธรรมาธิปไตยได้แน่นอน แต่จากแผนที่คณะกรรมการฯ ทำในเรื่องการเลือกตั้งสุจริตนั้น ยังไม่เขียนชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ขณะเดียวกันก็เขียนในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้เงิน ทั้งเรื่องการหาเสียง การจัดเลี้ยง เพราะถ้าส่งเสริมเรื่องเงิน ผู้สมัครก็ต้องใช้เงินและเข้ามากอบโกย จะไม่สามารถสร้างรัฐธรรมาธิปไตยตามแผนของคณะกรรมการฯ ได้ แต่จะเป็นหายนะของประเทศได้ รัฐควรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้กับผู้ที่เข้าสู่สนามการเมือง เพื่อให้ปลอดเรื่องการใช้เงิน และอยากให้พิจารณาว่าทำอย่างไรให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการเลือกตั้งอย่างแท้จริง
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส กล่าวว่า อยากให้จัดรูปแบบเลือกตั้งท้องถิ่นให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นรากฐานให้การเลือกตั้งใหญ่ แต่รัฐบาลก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังไม่มีความชัดเจน ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น กติกาตามรัฐธรรมนูญทำให้ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากจนจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาทำให้ต้องเป็นรัฐผสมหลายพรรค พร้อมกับวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังการเลือกตั้งว่า ที่กำหนดให้การนับคะแนนในเขตเลือกตั้ง 325 เขตก่อน หากเกิดปัญหานับไม่ได้ เพราะมีการร้องเรียน มีการฟ้องร้อง ก็จะเกิดวิกฤตการฟ้องร้องจนทำให้นับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ นอกจากนี้หากมีบางหน่วยเกิดปัญหาต้องระงับการเลือกตั้งในหน่วยนับ การนับคะแนนทั้งประเทศก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นที่ระบุว่าต้องประกาศจำนวนส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาก็จะแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตเลือกตั้งทั้งหมด อีกทั้งไม่มีเขียนในรัฐธรรมนูญว่า หากเกิดปัญหาในการเลือกตั้งแล้วจะมีองค์กรไหนเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวสรุปว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ที่เข้าร่วมรับฟังความเห็นว่าแผนการปฏิรูปการเมืองมีการเขียนไว้หมดแล้ว คณะกรรมการทำหน้าที่เพียงแค่รวบรวมและเรียบเรียง และเห็นด้วยว่าผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งควรให้มีการดีเบต ส่วนสิ่งที่นายสมชัยฝากมานั้นจะพูดในเวลาที่เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย