วอชิงตัน 18 พ.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชะลอการอนุญาตให้นักล่าสัตว์นำอวัยวะช้างที่ได้จากการล่าในซิมบับเวกลับประเทศมาเป็นของที่ระลึกแล้ว หลังจากถูกตำหนิอย่างหนักทั้งจากกลุ่มอนุรักษ์และสังคมออนไลน์
รัฐบาลสหรัฐเพิ่งเผยแพร่คำสั่งเมื่อวันศุกร์ว่า อนุญาตให้นักล่าสัตว์ที่ไปล่าช้างในซิมบับเวนำอวัยวะช้างกลับมาเป็นของที่ระลึกได้ จากเดิมที่ถูกห้ามในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตว่า ขอชะลอเรื่องนี้ออกไปก่อนจนกว่าจะพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องการอนุรักษ์แล้วเสร็จ และจะแจ้งต่อนายไรอัน ซิงกี รัฐมนตรีมหาดไทยโดยทันที ด้านนายซิงกีแถลงว่า ได้หารือกับประธานาธิบดีแล้วและเห็นตรงกันว่า การอนุรักษ์เป็นเรื่องสำคัญ จึงขอชะลอเรื่องการอนุญาตให้นำอวัยวะช้างที่ล่าได้ออกไปก่อน
กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่าและโลกสังคมออนไลน์พากันตำหนิที่รัฐบาลออกคำสั่งในตอนแรก บางคนโพสต์ภาพบุตรชาย 2 คนของทรัมป์คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ และเอริก ทรัมป์ ถ่ายกับซากสัตว์ป่าที่ล่าได้ ศูนย์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพแสดงความยินดีที่กระแสสังคมสามารถบีบให้ประธานาธิบดีทบทวนการตัดสินใจที่น่ารังเกียจนี้ได้ แต่ลำพังการทวีตไม่สามารถหยุดยั้งนักล่าไม่ให้ไล่ฆ่าช้างหรือสิงโตเพื่อความบันเทิงได้ จะต้องมีมาตรการที่จริงจังในเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด
โฆษกทำเนียบขาวชี้แจงกับสื่อว่า สำนักงานประมงและสัตว์ป่าสหรัฐระบุว่าซิมบับเวและแทนซาเนียได้ปรับปรุงการอนุรักษ์จนได้มาตรฐานสากล รัฐบาลจึงอนุญาตให้ชาวอเมริกันกลับไปล่าสัตว์ในสองประเทศนี้อีกครั้ง สำนักงานดังกล่าวเสนอรายงานสรุปว่า การฆ่าช้างในซิมบับเวระหว่างวันที่ 21 มกราคม 2559 ถึง 31 ธันวาคม 2561จะช่วยให้ช้างป่ามีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้น เพราะการล่าอย่างถูกกฎหมายจะเป็นแรงจูงใจให้ซิมบับเวอนุรักษ์ช้างมากขึ้น ขณะที่สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) เผยเมื่อปีก่อนว่า ช่วงปี 2549-2558 จำนวนช้างในแอฟริกาลดลงถึง 1 ใน 5 เพราะมีการลอบล่าเพื่อเอางาช้างส่งออกไปเอเชีย.-สำนักข่าวไทย