กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – กรมชลประทาน น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา แม้ก่อสร้างไม่เสร็จ แต่ช่วยให้ปราจีนบุรีไม่เกิดน้ำท่วมเหมือนในอดีต
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทานและโฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงการดำเนินการก่อสร้างโครงการห้วยโสมง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการล่าสุดที่กรมชลประทานดำเนินการสนองพระราชดำริ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออ่างเก็บน้ำโครงการห้วยโสมง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า “อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา” อ่านว่า นะ-รึ-บอ-ดิน-ทระ-จิน-ดา มีความหมายว่า อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้
สำหรับความก้าวหน้าของการก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น มีผลการดำเนินงานสะสมร้อย 90 โดยอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา เริ่มทำการเก็บกักน้ำตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 เป็นต้นมา โดยวันที่ 17 ตุลาคม 2559 มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำประมาณ 193 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 65 ของความเก็บกัก ซึ่งการเก็บกักน้ำไว้ดังกล่าวส่งผลให้ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้ว่า ปีนี้ยังไม่เกิดปัญหาอุทกภัยที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา และจากข้อมูลสถิติน้ำฝนและปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรอบ 25 ปี คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้ อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดาจะมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำที่เก็บกักไว้ดังกล่าวจะทำการระบาย เพื่อช่วยผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำปราจีนบุรีในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำในเขต อ.เมืองปราจีนบุรี ไม่ให้เกิดเป็นปัญหาดังเช่นในปี 2559 ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ระบบส่งน้ำทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาจะเสร็จปี 2562 จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้กับลุ่มน้ำปราจีนบุรี และเพิ่มพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานในฤดูฝน 111,300 ไร่ และฤดูแล้ง 45,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ อ.นาดี และ อ.กบินทร์บุรี ตลอดจนเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เป็นแนวกันชนหรือแนวป้องกันการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานและอุทยานแห่งชาติปางสีดา ช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่า ทำให้โอกาสการเกิดไฟไหม้ป่าลดลง หรือหากเกิดไฟป่า ก็จะมีแหล่งน้ำต้นทุนที่สามารถนำน้ำมาใช้ดับไฟป่าได้ รวมทั้งยังจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.ปราจีนบุรี ในอนาคตอันใกล้ด้วย.-สำนักข่าวไทย