กทม.1 พ.ย.-ผู้ว่าฯกทม.ตรวจสภาพท่าเทียบเรือ-โป๊ะ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมสั่งปิด 51 ท่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในช่วงเทศกาลงานลอยกระทง
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมคณะผู้บริหารและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยท่าเทียบเรือ-โป๊ะต่างๆ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในช่วงเทศกาลงานลอยกระทง วันที่ 3พ.ย.นี้
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวหลังลงพื้นที่ว่า ได้ตรวจสภาพท่าเรือและโป๊ะ อุปกรณ์ยึดต้องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ผุกร่อน ซึ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยามีท่าเรือและโป๊ะทั้งหมด 241 ท่าพบมีสภาพปกติสามารถใช้ได้ 190 ท่า ชำรุด 51 ท่า ในส่วนของคลองมีท่าเรือและโป๊ะทั้งหมด 181 ท่า มีสภาพปกติสามารถใช้ได้ 125 ท่า ชำรุด 56 ท่า โดยทุกท่าเรือและโป๊ะ ที่มีสภาพปกติสามารถใช้ได้ กทม.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำทุกจุดเพื่อดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน พร้อมติดตั้งป้ายแสดงจำนวนสูงสุดที่ท่าเรือและโป๊ะสามารถรับได้อย่างชัดเจน เพื่อแจ้งเตือนประชาชน ส่วนที่มีสภาพชำรุด กทม.ได้ดำเนินการปิดกั้นทุกท่า พร้อมติดป้ายประกาศห้ามใช้งานเด็ดขาด
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนจัดงานรื่นเริงแต่งกายให้เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณี คำนึงถึงความเหมาะสมเนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นงานพระราชพิธีฯ พร้อมรณรงค์ขอให้ประชาชนประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติย่อยสลายง่าย และลอยร่วมกัน 1ครอบครัว 1กระทง เพื่อลดปริมาณขยะ ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับประชาชนที่จะลงไปเก็บกระทงนั้น ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสม ไม่ควรรีบเก็บจนเกินไปได้กำชับเจ้าหน้าที่ช่วยกันสอดส่องดูแล โดยเฉพาะเด็กที่ลงไปเก็บ ต้องระวังเกิดเหตุไม่คาดคิดเสี่ยงจมน้ำ
ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงวันลอยกระทง ระดับน้ำสูงสุด ที่ประตูระบายน้ำปากคลองตลาดอยู่ที่ระดับ 1.83 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ กทม. แต่ชุมชนรุกล้ำ ซึ่งอยู่นอกแนวเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างคลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ อาจจะได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย
นอกจากนี้ กทม.ได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2560 โดยแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยหน่วยงานทุกภาคส่วน และองค์กรภาคีเครือข่าย บูรณาการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในช่วงก่อนและหลังวันลอยกระทงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พร้อมออกประกาศ เรื่อง มาตรการป้องกันอันตรายจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขอความร่วมมือผู้จำหน่ายห้ามขาย และประชาชนห้ามจุดพลุ ประทัด ปล่อยโคมลอย และห้ามเล่นประทัดจีนทุกชนิด หากพบผู้ใดฝ่าฝืนโทษมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยดำเนินการกวดขันจับกุมผู้ฝ่าฝืนอย่างเข้มงวด หากประชาชนพบเห็นสามารถแจ้ง เพื่อขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 199 และ 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย