สธ. 24 ต.ค.-อธิบดีกรมสุขภาพจิต เชิญชวนคนไทย น้อมนำพระราชดำรัส เป็นสิ่งเตือนใจในทุกขณะของการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ เพื่อให้เกิดความหวังและกำลังใจที่ดี ที่จะช่วยก้าวผ่านความโศกเศร้า
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันใกล้นี้ ความรู้สึกโศกเศร้า เสียใจ คิดถึง หรือระลึกถึงพระองค์ย่อมมีเพิ่มมากขึ้น ขอย้ำว่า เป็นปฏิกิริยาปกติทางจิตใจที่เกิดขึ้นได้ ในผู้ที่มีความรู้สึกสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสิ่งที่เป็นความผูกพันยึดเหนี่ยวจิตใจได้ขาดหายไป แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น และหมดไปในช่วง 6-8 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวต่อการสูญเสียเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะต้องจัดการและก้าวผ่านความทุกข์โศกของตนเองไปให้ได้ และการปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงความรู้สึกโศกเศร้า จะทำให้กระบวนการโศกเศร้านั้นยาวนานยิ่งขึ้นได้ ซึ่งภาวะสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในช่วงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้แก่ ปฏิกิริยาความโศกเศร้ารุนแรงที่แสดงออกในฝูงชน การร้องไห้ คร่ำครวญ กรีดร้อง ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ หรือมีภาวะหายใจเร็ว เกิดอาการมือจีบ ตัวเกร็ง เป็นลม ที่มักพบในช่วง 3 เดือนแรกหลังเกิดเหตุการณ์วิกฤตต่างๆ เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที การเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมในช่วงเวลานี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เราทุกคนสามารถช่วยดูแลใจกันและกันได้ โดยหากพบคนรอบข้างที่เข้าร่วมในงานพระราชพิธีฯ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หรือที่อาจไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมงานด้วยได้ มีอาการร้องไห้ฟูมฟาย แยกตัวอยู่คนเดียว เพ้อ ซึมเศร้า เหม่อลอย หรือเอะอะโวยวาย ให้ใส่ใจ รับฟัง พูดคุยกับเขา ปลอบประโลมเขา สัมผัสให้เขารู้สึกว่ามีคนเข้าใจ มีคนให้กำลังใจ ถ้ายังไม่ดีขึ้น เช่น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ โศกเศร้ารุนแรง มีความคิดฆ่าตัวตาย ให้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ พยาบาลเคลื่อนที่ ทีม MCATT จิตอาสาทูบีนัมเบอร์วัน หรือ สายด่วนสุขภาพจิต1323 เป็นต้น
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า พสกนิกรชาวไทยทุกคนล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ และทุกคนต่างรู้สึกโศกเศร้าเสียใจไม่ต่างกัน แต่อยากขอให้ทุกคนมีสติรู้เท่าทัน ทำจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นๆ รอบข้าง ซึ่งหากเรามีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว เราย่อมมีพลังด้านบวกที่พร้อมจะช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ก้าวผ่านความโศกเศร้าอันใหญ่หลวงครั้งนี้ไปได้ ดังพระราชดำรัส “…ความสุขความเจริญนี้ แม้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง แต่ในวิถีชีวิตของคนเรานั้น ย่อมต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ทั้งความสมหวังและผิดหวังเป็นปรกติธรรมดา ทุกคนจึงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมกายให้พร้อม อย่าประมาท …จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้รักษาและสร้างเสริมสุขภาพของตนให้สมบูรณ์ ให้มีกำลังกายที่แข็งแรง มีกำลังใจที่เข้มแข็งหนักแน่น และมีสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ จักได้สามารถนำพาตนให้ผ่านพ้นสถานการณ์ต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ จนบรรลุถึงความสุขความเจริญ และความสำเร็จได้ ดั่งที่ตั้งใจปรารถนา…”
“เพราะความสุขของพระองค์ คืออยากเห็นคนไทยมีความสุข จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยร่วมกันน้อมนำพระราชดำรัส มาเป็นสิ่งเตือนใจในทุกขณะของการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้เพื่อให้เกิดความหวังและกำลังใจที่ดี ที่จะช่วยก้าวผ่านความโศกเศร้า พร้อมนำพาประเทศชาติก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน สมดังพระราชปณิธานของพระองค์” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว .-สำนักข่าวไทย