กทม. 19 ต.ค.-ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก “หญิงไก่” 3 ปี ผิดตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ กรณีหลอกหญิงสาวชาวแม่ฮ่องสอนมาบังคับใช้แรงงานโดยยึดบัตรประชาชน
ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีอัยการคดีค้ามนุษย์ 2 ยื่นฟ้องนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ ฐานค้ามนุษย์ โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 และ 52 กรณีเดือนตุลาคม 2549-2553 นางสาวดาลิน หล้าคำ อายุ 19 ปี ผู้เสียหายที่ 1 สมัครเป็นแม่บ้านที่ศูนย์จัดหางานในจังหวัดปทุมธานี ต่อมาศูนย์ฯ ส่งตัวไปทำงานกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด เขตจตุจักร ระหว่างนั้นจำเลยหลอกลวงบังคับให้ทำงานบ้านตั้งแต่ 05.00-22.00 น.ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยไม่จ่ายค่าจ้าง จ่ายเพียงค่ายังชีพเล็กน้อย แล้วยังขู่ว่าหากไม่ยอมทำงานแล้วจะกลับบ้าน จำเลยจะแจ้งตำรวจจับบิดามารดาจนผู้เสียหายที่ 1 เกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพทั้งกับตนและบิดามารดา เพราะเคยเห็นจำเลยแจ้งตำรวจจับลูกจ้างคนอื่นที่ออกจากงานด้วยการกล่าวหาว่าลักทรัพย์จำเลย ทำให้ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมทำงานให้ ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจากการบังคับใช้แรงงาน
ต่อมาระหว่างต้นเดือนพฤษภาคม 2551-ปลายเดือนเมษายน 2552 จำเลยยังหลอกลวงนางสาวกาญจนา ปองลาภสุนทร ผู้เสียหายที่ 2 จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยอ้างกับบิดามารดาของผู้เสียหายว่า เป็นคุณหญิง ชอบช่วยเหลือคนยากจน จะให้ผู้เสียหายมาทำงานที่กรุงเทพฯ ด้วย ให้เงินเดือนละ 6,000 บาท พร้อมส่งเสียให้เรียนฟรี โดยจำเลยให้เงินกับบิดามารดาไว้ 5,000 บาท เพื่อให้ยินยอมพาผู้เสียหายมา เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายมาพักที่ประชานิเวศน์คอนโดฯ ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ ก่อนบังคับทำงานเช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่ได้ส่งเสียให้เรียน และเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2552-กุมภาพันธ์ 2553 จำเลยได้หลอกลวงนางสาวขวัญจิรา จิรสกุลโชคชัย อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 ให้มาทำงานแม่บ้านกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด อ้างจะให้เงินเดือนละ 4,500 บาท และให้ผู้เสียหายเรียกว่าคุณหญิง กลับบังคับใช้แรงงานตั้งแต่ 05.00-23.00 น. ไม่มีวันหยุดโดยให้ทำงานบ้านและนวดตัวให้ เป็นการบังคับใช้แรงงานเด็ก มีลักษณะคล้ายการเอาคนลงเป็นทาสด้วยวิธีการ ข่มขู่ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
หลังศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยรับผู้เสียหายทั้ง 3 คน มาทำงานเป็นแม่บ้านจริง ระหว่างทำงานมีการให้เงินค่ายังชีพเล็กน้อย แต่ไม่จ่ายเงินเดือน ขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 และ 3 ศาลรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือเข้าข่ายความผิดตามฟ้อง เนื่องจากไม่มีการยึดบัตรประชาชน และการทำงานเป็นไปด้วยความสมัครใจ อีกทั้งพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่า ผู้เสียหายต้องทำงานต่อเนื่องตั้งแต่ 05.00-22.00 น.จริง ที่จำเลยบอกกับบิดาของผู้เสียหายที่ 1 ว่า หากลูกสาวไม่ยอมทำงานต่อ จะดำเนินคดีกับบิดาและมารดา ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด ฟังไม่ได้ว่าเป็นการข่มขู่ เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน
ส่วนผู้เสียหายที่ 2 จำเลยได้ยึดบัตรประชาชนมาเก็บไว้ และไม่จ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้เดือนละ 6,000 บาท รวมถึงไม่ส่งให้เรียนพยาบาลตามที่จำเลยเสนอ อีกทั้งแม้งานจะไม่มาก ผู้เสียหายเพียงคนเดียวสามารถกระทำได้ แต่การยึดบัตรประชาชนไว้ จำเลยมีเจตนาหาประโยชน์โดยมิชอบจากการใช้แรงงาน จำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ พิพากษาจำคุก 4 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาท.-สำนักข่าวไทย