กรมสุขภาพจิต 17 ต.ค.- กรมสุขภาพจิต แนะ 6 แนวทาง เตรียมความพร้อมกายและใจ ผู้เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิต วันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวแนะนำการดูแลสุขภาพกายและใจสำหรับผู้เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตที่จะเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่ากลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต คือกลุ่มคนที่จิตใจเปราะบางอยู่เดิม ได้แก่ 1. ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าหรือผู้ที่มีความเครียดเป็นทุนเดิมมาก่อนทั้งจากสภาพเศรษฐกิจหรือสูญเสียคนรัก ในครอบครัว 2.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังทางกายประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน 3.กลุ่มผู้ป่วยโรคจิตเวช โดยควรเตรียมความพร้อม ดังนี้
1.ประเมินความพร้อมตนเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ หากต้องเผชิญกับฝูงชนจำนวนมากและบรรยากาศที่เศร้าโศก ถ้าไม่พร้อม สามารถอยู่ร่วมงานทางไกลหรือตามจังหวัดของตนเองได้ ซึ่งเป็นการระลึกถึงพระองค์ได้เช่นกัน 2.รับประทานอาหารพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ,3.งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาเสพติดทุกชนิด เพราะอาจทำให้คุมสติไม่ได้เต็มที่ ,4.เตรียมยาและน้ำมารับประทานต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่ควรหยุดยา ถ้าลืมนำติดตัวมาหรือทำหายให้ติดต่อหน่วยแพทย์ ,5.ควรเขียนชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ญาติที่ติดต่อได้สะดวก เพื่อป้องกันการพลัดหลง รวมทั้งพกซองยาที่มีชื่อตัวยามาด้วย และ 6. ไม่ควรมาเพียงลำพัง ควรมีญาติมาด้วย
อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ทุกคนสามารถช่วยดูแลใจกันและกันได้ หากพบคนรอบข้าง ร้องไห้ฟูมฟาย แยกตัวอยู่คนเดียว เพ้อ ซึมเศร้า เหม่อลอยหรือเอะอะโวยวาย ให้ใส่ใจ รับฟัง พูดคุย ปลอบประโลม สัมผัสให้รู้สึกว่ามีคนเข้าใจ มีคนให้กำลังใจ ถ้ายังไม่ดีขึ้น เช่น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ โศกเศร้ารุนแรง มีความคิดฆ่าตัวตาย ให้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ พยาบาลเคลื่อนที่ ทีมเดินเท้า จิตอาสาด้านการแพทย์ MCATT เป็นต้น
ขณะเดียวกันขอย้ำว่าความรู้สึกโศกเศร้า คิดถึงหรือระลึกถึงย่อมมีเพิ่มมากขึ้นได้ในช่วงงานพระราชพิธีฯ เป็นปฏิกิริยาปกติทางจิตใจที่เกิดขึ้นได้ ในผู้มีความรู้สึกสูญเสียบุคคลหรือสิ่งที่เป็นความผูกพันยึดเหนี่ยวจิตใจได้ขาดหายไปแต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหมดไป แต่เชื่อว่าคนไทยมีภูมิ ต้านทานดีขึ้น สามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ ด้วยมีการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจมาในระดับหนึ่ง จากการแปลงความโศกเศร้าเป็นพลังทำความดี และขอเพียงมีสติ ระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงสอนไว้ แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติสืบสานตามพระราชปณิธาน เหล่านี้จะช่วยทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้ .-สำนักข่าวไทย