กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-กกพ.ย้ำส่งเสริมการเปิดเสรีนำเข้าก๊าซธรรมชาติแหลว หรือแอลเอ็นจี ในขณะที่ ปตท.พร้อมจะเข้าประมูลขายเนื้อก๊าซให้ กฟผ.ในส่วนของการนำเข้า 1.5 ล้านตัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)กล่าว่า หลังจากที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ใบอนุญาตผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ หรือ Shipper ในการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ เหลว (แอลเอ็นจี) 1.5 ล้านตัน ในส่วนขยายสถานีแอลเอ็นจี แห่งที่ 1 แล้ว ทาง กฟผ.จะต้องมีการไปจองท่อก๊าซฯกับ ปตท.เพื่อมาใช้ในการขนส่งและรับก๊าซแอลเอ็นจีเพื่อไปใช้ในโรงไฟฟ้าต่างของ กฟผ.เพื่อนำเข้ามาพร้อมๆกับการก่อสร้างสถานีส่วนขยายของ ปตท.ที่จะเสร็จในปี 2562 หลังจากนั้น กกพ.จะมีการเปิดให้แข่งขันนำเข้าในส่วนของสถานีนำเข้าแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 ปริมาณ 7.5 ล้านตัน ที่ ปตท.จะสร้างเสร็จใน ไตรมาส 1/2565
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ. บมจ.ปตท. กล่าวว่า ในส่วนการนำเข้าของ กฟผ. 1.5 ล้านตันนั้น กฟผ.ก็ต้องมีการเปิดประมูลซื้อก๊าซฯเพื่อความโปร่งใส ซึ่งในส่วนนี้ ปตท.ก็จะเข้าร่วมประมูลด้วย ส่วนสถานที่หนองแฟบจะเปิดแข่งขันนำเข้าทั้งหมด 7.5 ล้านตันหรือไม่ ทาง ปตท.ยังไม่ทราบนโยบาย แต่ เพื่อความมั่นคงและราคาที่มีเสถียรภาพที่มีผลต่อค่าไฟฟ้านั้น ทางภาครัฐก็ควรจะต้องกำหนดว่า การนำเข้าจะต้องมีสัญญาระยะยาวในสัดส่วนร้อยละ 50-70 เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดความเสี่ยงด้านการจัดหาและมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า
สำหรับความต้องการใช้แอลเอ็นจีในอนาคตยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากภาครัฐอยู่ระหว่างทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ(พีดีพี)ใหม่จากแผนเดิมที่สิ้นสุดแผน ในปี 2579 จะมีการนำเข้า 34 ล้านตัน/ปี ซึ่งต้องรอดูทิศทางความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตด้วยว่าจะลดลงหรือไม่ เพราะหากดูจากปีนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าไม่ได้เติบโตตามแผนที่ประมาณการณ์ไว้ เพราะมีการผลิตไฟฟ้าที่อยู่นอกเหนือจากระบบของ กฟผ. เช่น การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติปีนี้ลดลงไปด้วย 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่วนการนำเข้าแอลเอ็นจีของไทยในปีนี้คาดจะอยู่ที่ 5 ล้านตัน -สำนักข่าวไทย