รัฐสภา 25 มี.ค. – “ภูมิธรรม” บอกนั่งฟังอภิปราย 2 วัน ฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลใหม่ แจงเดินหน้าปฏิรูปกองทัพ-ปรับลดกำลังพล ส่วนยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำเป็นขั้นตอน ชี้หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ยันไม่มีปฏิบัติการไอโอ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจง ภายหลังฝ่ายค้านอภิปรายถึงเรื่องกองทัพ การปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) การเกณฑ์ทหาร และเรือดำน้ำ ว่า สองวันในการอภิปราย คิดว่าท่านคงมีอะไรใหม่ๆ มาเสนอแนะให้รับทราบ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่ตนนั่งฟังอยู่สองวันก็เห็นการอภิปรายเอาข่าวหนังสือพิมพ์ เอาคำสัมภาษณ์มาโยง มาผูกกันเป็นเรื่องเป็นราวมากมาย อยากให้การอภิปรายเป็นเรื่องที่หยิบเอาประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะไม่ไว้วางใจ ต้องมีประเด็นใหม่ๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องของการทำลายประเทศ หรือไม่มีความเหมาะสมที่จะบริหารประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การปฏิรูปกองทัพ การเกณท์ทหาร เรื่องเรือดำน้ำ เรื่องไอโอ เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรจะพูด นอกนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเรื่องการปฏิรูปกองทัพ เรารู้อยู่แล้วว่าบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป กองทัพต้องเป็นกองทัพที่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ซึ่งได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมด และได้ตกลงกันว่า กองทัพต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป กระทรวงกลาโหมกับเหล่าทัพได้คุยกัน และได้ออกสมุดปกขาวขึ้นมาฉบับหนึ่ง เพื่อกำหนดทิศทางของกองทัพ จากปี 2569 ถึงปี 2580 ซึ่งต้องยอมรับว่า หลายเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก็เป็นความจริง ที่ผ่านมากองทัพส่วนใดพัฒนาก็พัฒนาไป และอาจจะไม่ได้เห็นการรวมของแต่ละเหล่าทัพเป็นทิศทางเดียวกัน และพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ทำมายาวนานแล้ว และบางทีต่างฝ่ายต่างก็กำหนดกำลังพล กำหนดอาวุธยุทโธปกรณ์ กำหนดทิศทางการเดิน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ และต้องยอมรับว่า ทหารสมัยนี้เป็นทหารยุคใหม่ที่คิดอะไรไปไกล เพราะทุกคนไปเรียนรู้จากภายนอกมามากพอสมควร จึงรู้ว่าโลกต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยเราได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการเดินไปทิศทางเดียวกันต้องเป็นอย่างไร ตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ละเหล่าทัพต้องจัดลำดับความสำคัญของอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ ซึ่งได้พูดคุยการปรับยุทธศาสตร์ ปรับทิศทางกองทัพ ปรับกำลังพล ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่ต้องอย่าลืมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำมายาวนาน แล้วอยู่ๆ จะมายกเลิกทีเดียวก็คิดง่ายๆ อย่างนั้นไม่ได้ และต้องคิดว่ากองทัพมีไว้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยที่สุด หากมีภัยสงคราม กองทัพต้องปกป้องประเทศชาติได้ ซึ่งตนได้คุย และขอให้คิดถึงจุดต่ำสุดที่เรามีกำลังพอที่จะรักษาประเทศ ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่อยู่บนความเป็นจริง ไม่ได้อยู่บนความฝันหรือจินตนาการ เพราะต้องรู้ว่าการเติบโตของกองทัพตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ก็ต้องมาคิดว่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง โดยที่ทุกอย่างไม่ได้จบในวันเดียว การยกเลิกการเกณฑ์ทหารไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถ้ายกเลิกไปแล้วเกิดอะไรขึ้นจะจัดการอย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว เหมือนกันการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในกองทัพก็ต้องใช้เวลา
“ไม่มีหรอกครับอย่างที่ท่านพูด เข้ามาแล้วจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 100% เข้ามาแล้วจะพัฒนากองทัพให้มีนายพลลดลงไป ทำอย่างนั้นไม่ได้ ท่านรู้หรือไม่ ว่าทำไมกองทัพจึงมีกำลังพลมาก และที่เพิ่มเติมตำแหน่งต่างๆ มากมาย เพราะตั้งแต่มีสงครามความขัดแย้งภายในประเทศ กองทัพต้องเร่งผลิตกำลังคน นักเรียนนายร้อยแค่ปีสามก็ต้องออกไปรบแล้ว และสูญเสียมากมายก็ต้องเร่งผลิต ซึ่งปัญหานั้น กองทัพมองถึงความมั่นคงของประเทศ การที่มีภัย การคุกคามหรือความแตกต่างที่ต่อสู้กันก็ต้องผลิตคนไปสู้ ทำให้มีคนมากขึ้น เมื่อวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง และมองว่าต้องหยุดแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วการผลิตก็ล้นมา และท่านหวังว่าจะให้อยู่ๆ ไล่คนเหล่านั้นออก ทำไม่ได้ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ตนทำเออร์ลี่รีไทร์บ้างก็ออกไป” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนลดกำลังพลด้วยการเออร์ลี่รีไทร์ ตั้งแต่เข้ามาได้ลดไป 589 อัตรา ซึ่งเป็นอัตราทดแทน ส่วนเรื่องเรือดำน้ำ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ตกค้างมาจากคนอื่นๆ และรัฐบาลเข้ามาแบกรับปัญหา เราไม่เคยปฏิเสธในการแก้ปัญหา ตนได้ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ว่าเรือดำน้ำที่มีปัญหาเครื่องยนต์ทำไม่ได้นั้น ตนขอซื้อได้หรือไม่ และหาคนมาติดตั้งแทน ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบจากเยอรมนี และได้ทำหนังสือถึงปากีสถาน ซึ่งเขาบอกว่า เรือที่ติดเครื่องยนต์เรือดำน้ำนี้ยังไม่เคยลงน้ำมาก่อน ปากีสถานเอาเรือลงดำน้ำพอดี ขอให้ช่วยประเมินว่า เรือดำน้ำใช้เครื่องยนต์จีน แบบเดียวกับที่เราต้องซื้อ ก็ยังทำได้ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องรอคำตอบ เพราะไม่ง่ายและต้องตัดสินใจ ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ และตนจะต้องตัดสินใจ โดยมีเหตุมีผลรองรับ
ส่วนเรื่องไอโอ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้หรือพวกเราทั้งหมดที่ทำงานบริหารประเทศ ไม่มีนโยบายตามที่ท่านได้กล่าวมา และตนเพิ่งได้รับทราบจากท่าน ซึ่งตนอาจจะไม่กว้างขวาง จากนี้จะไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนในข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะหาหนทางในการแก้ไข ถ้ามันเป็นจริง แต่ก็พูดยาก เพราะนั่งฟังท่านมาก็สับสนในข้อมูลเยอะเหมือนกัน หลายเรื่องเป็นเรื่องเก่า หลายเรื่องเป็นเรื่องไม่จริง ซึ่งตนรับฟังและจะไปตรวจสอบ จะให้เชื่อเลยก็คงเป็นไปได้ยาก และจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตรวจสอบและมารายงานตน
“อยากให้ทุกคนมีใจที่กว้างขวาง เพราะที่ฟังมาล้วนแต่เอาเรื่องในอดีต และเรื่องของคนอื่น หลายเรื่องนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังไม่ได้เป็นนายกฯ พอถ้าอภิปรายไปถึงต้นเหตุทั้งหมดก็เป็นปัญหา ซึ่งงานไหนที่เป็นปัญหาจะรับมาพิจารณาหาทางแก้ไข และอันไหนที่ไม่ใช่เรื่องที่สาระสำคัญหรือเป็นวาทกรรม และเป็นการแสดงตนก็จะปล่อยผ่านไป” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนจะบอกว่ากองทัพเป็นที่ที่เข้าไม่ได้นั้น ไม่จริง เพราะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ รวมถึงหลายๆ คนเข้ามาแล้ว กระทรวงกลาโหมเปิดต้อนรับตลอด เพื่อพูดคุยกัน.-315-สำนักข่าวไทย