นายกฯ ซัดฝ่ายค้านปมกล่าวหาถูกพ่อครอบงำ

รัฐสภา 25 มี.ค.- นายกฯ ซัดฝ่ายค้าน ปมกล่าวหาถูกพ่อครอบงำ ย้อนผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็ถูกครอบงำจากคนที่ไม่ใช่พ่อ อัด “ดีลปีศาจ” ทั้งที่เคยดีลตั้งรัฐบาล ทวงบุญคุณโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ ให้หลายครั้ง แต่ที่จำได้พรรคสีส้มไม่เคยโหวตให้เพื่อไทย ท้า กลางสภาฯ สมัยหน้าจะจับมือกับพรรคใดบ้าง เอาให้ชัดเจน


เมื่อเวลา 21.18 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายชี้แจงรอบที่ 2 ของวันนี้ (25 มี.ค.) ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระบุว่า เป็น 2 วันที่ได้ยินชื่อตนเองมากที่สุดในชีวิต ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ซึ่งอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จะส่งผลดีต่อประชาชน ส่วนที่กระทบกระทั่งกันบ้างถือว่าเป็นเรื่องปกติ และคิดว่าเราสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ โดยผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้เน้นย้ำถึงภาวะผู้นำ และการถูกครอบงำหลายครั้ง ซึ่งคนที่ย้ำเรื่องเดิมๆ หลายครั้ง ไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่ตนเองขาดหรือไม่ ซึ่งจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้ เพราะไม่ใช่มีแค่ตัวเองที่ถูกกล่าวหาเรื่องของการถูกครอบงำ ท่านถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยคุณพ่อ แต่ของท่านถูกครอบงำจากคนที่ไม่ใช่พ่อ ซึ่งไม่อยากให้ใครมาพูดเช่นนี้ ตนเองเคารพและให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านฯ และไม่เคยสงสัยในภาวะผู้นำของท่าน ความเป็นจริงเรามีอายุใกล้เคียงกัน ควรมีความเข้าใจกัน และเส้นทางทางการเมืองก็มีความคล้ายกันอยู่

”การมาอยู่ตรงนี้ได้ เราทั้งคู่ก็เจอกับชะตากรรมของพรรคการเมือง เพราะหากพรรคของตนเอง ไม่ถูกกระทำทางการเมืองในวันนี้ เราอาจจะยังมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ และพรรคของท่าน อาจจะยังมีหัวหน้าพรรคชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ได้ ซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่ชะตากรรมทางการเมืองมาแบบนี้ ซึ่งเราควรต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และการด้อยค่าคนอื่นตนคิดว่าอย่าทำเลย“ นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า การที่ตนเองเป็นลูกสาวนายทักษิณ แน่นอนว่าถูกวิจารณ์และปรามาส มาตั้งแต่เป็นนิสิตนักศึกษา จวบจนมาถึงทุกวันนี้ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแ ละคงไม่ใช่เรื่องเสียหายเช่นกัน ที่ตนจะรับฟังและนำคำแนะนำของนายทักษิณ มาใช้หรือพิจารณา เพราะนายทักษิณ ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากความคิดของนายทักษิณ จะเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็มั่นใจว่าจะเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากการยุบพรรค แต่ทุกคนก็ยังเดินหน้าทำงานการเมืองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำนโยบาย การเดินหาเสียง ยังสามารถทำได้ แต่ทำไมเป็นนายทักษิณคนเดียว ที่ทำแล้วเป็นประเด็น หรือว่านายทักษิณ ถูกตัดสิทธิ์ยกกำลังสองซึ่งก็ไม่แน่ใจ

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงเรื่องของการส่ง 40 อุยกูร์ กลับประเทศจีน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายผู้ลี้ภัย หากมีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยจะยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการกักขังชาวอุยกูร์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ขณะที่ประเทศจีนที่เป็นประเทศแม่ก็แสดงเจตจำนงขอรับ และมีการทวงถามโดยที่ประเทศที่ 3 ไม่เคยมาทวงถามอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลได้พูดคุยกับประเทศจีน และต้องการให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางประเทศประเทศจีนมีความจริงจังในการทำหนังสือออกมา ถือเป็นพันธะสัญญากับสังคมโลก รัฐบาลไทยจึงรีบส่งกลับไป ซึ่งคณะของนายภูมิธรรม เดินทางไปจีนและยืนยันว่าทุกคนปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกฝ่ายและดีกับประเทศไทย ส่วนที่มีบางประเทศมาประณามหรือไม่ยอมรับ ซึ่งประเทศไทยเคารพทุกความคิดเห็น สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการใช้เวลาและอธิบาย เพื่อให้ทุกประเทศเข้าใจ เพราะประเทศเหล่านั้น ไม่ทราบว่าไทยกับจีนพูดคุยอะไรกัน จึงถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่แปลก และการกล่าวหาในเรื่องนี้อยากทราบว่า ได้มองครบทุกมิติในโลกแล้วหรือไม่ และการเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ก็ไม่แน่ใจว่าท่านใช้สองมาตรฐานหรือไม่ กับรัฐบาลนี้โดยเฉพาะหรือไม่ เพราะเท่าที่จำได้ไม่มีนโยบายจากพรรคการเมืองไหนเลย ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ซึ่งสามารถใช้เวทีนี้ประกาศไปเลยว่าจะตามที่ผู้ลี้ภัยต้องการทุกกรณี หรือจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง ประชาชนจะได้รับฟัง

ขณะที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกันเคยลงสัตยาบันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ทำไม่สำเร็จ และเมื่อเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ได้แถลงนโยบายดังกล่าวต่อรัฐสภา ซึ่งจุดยืนคือการแก้ไขโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ข้อกฎหมายที่ซับซ้อนทำให้การแก้ไขดำเนินการไปได้ยาก และมีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลและวุฒิสภา เช่น จำนวนครั้งในการทำประชามติ ซึ่งเราพยายามเดินต่อไปข้างหน้า และที่พวกท่านเรียกร้องให้แสดงภาวะผู้นำ ตนได้ทำอยู่ตลอดเวลา และมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลตลอดในทุกนโยบาย เพื่อแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างให้ชัดเจน โดยล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนร่วมกันที่จะส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แม้ว่าจะช้าหรือไม่ทันใจแต่ถือเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จ


“สำหรับภาวะผู้นำของตนต้องมีความอดทน ที่เป็นผู้นำรัฐบาลจากพรรครวมหลายพรรค และต้องมีเหตุผลและต้องมีความจริงใจ หากดันทุลังไปแล้วพังทุกรอบจะไม่เป็นผลสำเร็จขณะที่วันนี้มีสมาชิกมีที่อภิปรายเรื่องการต่อสู้ของประชาชน ซึ่งรัฐบาลนี้เคารพต่อสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกของทุกฝ่าย และไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยบอบช้ำและเจ็บปวดแค่ไหน ซึ่งพรรคของเราเต็มไปด้วยนักการเมืองที่ต่อสู้เคียงข้างประชาชนคนเสื้อแดงหลายคน และมีลูกหลานของคนเสื้อแดงที่อยู่ในพรรค ถึงจะไม่ได้พกหมวกหรือผ้าพันคอมา แต่เราก็แสดงเรื่องนี้อย่างจริงใจและอยู่ในใจเสมอ“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงดีลแลกประเทศ ว่า หากคำว่าดีลหมายถึงการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน การเมืองทุกทุกที่บนโลกใบนี้ต้องมีดีล และก่อนหน้านี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็เคยดีลกับพรรคของท่านและพรรคของท่านก็มาดีลกับพรรคของเรา แล้วเราก็ยกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคของท่าน ด้วยความเชื่อที่ว่าพวกท่านสามารถรวมเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นการดีล เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับสองคน หรือระดับทุกคนในพรรค จึงทำให้เราดีลด้วย

“ที่ผ่านมา เรารักษาคำพูดของเราเสมอ ซึ่งท่านก็ดีลกับเรามาเสมอเช่นกัน เมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ดีล กับพรรคของท่าน ที่มาดีลกับเราให้ยกมือกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่าน ที่ขณะนั้นพรรคของท่านมีเสียงสส. เป็นอันดับ 3 และเมื่อการเลือกตั้งปี 2566 ท่านเป็นพรรคอันดับหนึ่ง มาดีลกลับพรรคเราซึ่งก็ตอบ แล้วก็ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่านอีกครั้ง ซึ่งครั้งแรกไม่ผ่านเราก็ยกมือให้กับท่านเป็นครั้งที่สอง ตามที่ดีลกันไว้ และยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่านมาโดยตลอด แต่เท่าที่จำได้ท่านไม่เคยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเราเลย และเมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็เดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบรัฐสภา ซึ่งรู้ดีว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้เราต้องพบเจอกับความยากลำบาก ต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีความตั้งใจอย่างมากที่จะผลักดันนโยบายสู่ประชาชนจริงๆ ซึ่งตัวเลขได้บ่งบอกว่าศักยภาพของประเทศไทยเติบโตช้ามาเป็นระยะเวลา 10 ปี เพราะฉะนั้นหากไม่เริ่มแต่วันนั้นจะมีนโยบายที่ออกไปถึงมือประชาชนแบบวันนี้หรือไม่ การที่ กล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก แต่เงิน 10,000 ถึงมือประชาชน ไปถามประชาชนแล้วหรือยังว่ามีความสุขกับสิ่งนั้นหรือไม่ ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดขึ้นแล้ว หากไม่กระตุ้นเลยจะกระเตื้องแบบนี้หรือไม่ หากไม่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็ยังคงจะติดลบอยู่ และเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยต้องแบกเรื่องนี้ไว้และทำความเข้าใจกับประชาชน เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยภูมิใจที่ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ และเดินสายไปต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศ แล้วทำให้การลงทุนของประเทศไทย สูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งที่เราเป็นรัฐบาลยังไม่ถึงหนึ่งปี เป็นเพียง 6 เดือนเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า ไม่มีใครที่อยากถูกกล่าวหา ซึ่งในวันนี้ให้เกิดความชัดเจน และสร้างการเมืองแบบใหม่ ก็ให้ท่านประกาศให้ชัดเจนเลยว่าสมัยหน้าท่านจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดเสียตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พนังกั้นน้ำขาด ทะลักท่วมนาข้าว-ถนนถูกตัดขาด

ร้อยเอ็ด 10 ก.ย. – ผลพวงอุทกภัยจากพายุหนองฟ้า ทำพนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทรุดตัวและขาด ส่งผลมวลน้ำทะลักท่วมนาข้าวเกือบพันไร่ เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ภาพนาทีน้ำจากตอนบนในพื้นที่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ไหลทะลักท่วมพื้นที่ ทำให้พนังกั้นลำน้ำยัง บ้านทรายมูล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ ถูกน้ำกัดเซาะจนทรุดและขาดกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 6 เมตร และเอ่อเข้าท่วมนาข้าวของชาวบ้าน 3 ตำบล คือ ต.ขวาว, ต.นางาม และ ต.นางาม ชาวบ้านและผู้นำชุมชนต้องระดมเครื่องจักรกล ถุงบิ๊กแบ็ก เข้าอุดพนังที่ขาด เพราะวิตกว่ามวลน้ำจำนวนมากจะทำให้นาข้าวที่กำลังหว่านปุ๋ยรับรวง จำนวนเกือบ 1,000 ไร่ เสียหาย จนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้สั่งการให้ ปภ. ประสานนำเครื่องจักรกลหนักเข้าเสริมกั้นน้ำ นำถุงบิ๊กแบ็ก 280 ถุง เข้า จัดวาง […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

“พล.อ.ณัฐพล” แถลงผลประชุม GBC สมัยพิเศษ

เกาะกง 10 ก.ย. – “พล.อ.ณัฐพล” แถลงผลหารือ GBC สมัยพิเศษ ที่เกาะกง มุ่งแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนี้จะมีการดำเนินการถอนอาวุธหนักภายใน 4 สัปดาห์ โดยให้คณะกรรมการไอโอที ร่วมสังเกตการณ์ด้วย และเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 1 สัปดาห์ ต้องแล้วเสร็จใน 1 เดือน ซึ่งเป็นการตกลงกันระหว่างไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” จ่อเข้าเยี่ยม “ทักษิณ” ยกเป็นวีรบุรุษ ปชต.

มหาดไทย 10 ก.ย.- “ภูมิธรรม” เผยเตรียมไปเยี่ยม “ทักษิณ” มองไม่ได้ทำผิดมาตั้งแต่ต้น เป็นเพราะอำนาจจัดการจนเป็นรัฐบาลนอกระบบ รับเห็นภาพนายใหญ่ในชุดนักโทษ แล้วสะเทือนใจ ยกเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย คนหนึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจำคุกในเรือนจำคลองเปรม ซึ่งจากนี้จะมีกรอบเวลาให้เข้าเยี่ยมได้ มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าใครจะเข้าไปเยี่ยมบ้าง ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ความรู้สึกส่วนตัว ตนต้องไปเยี่ยมนายทักษิณแน่นอน เพราะตนไม่ได้รู้สึกว่าท่านได้ทำอะไรผิดมาตั้งแต่ต้นทาง ตลอดจนถึงปัจจุบัน ถูกกระทำโดยอำนาจการจัดการ ในการเข้าสู่การเป็นรัฐบาลนอกระบบ เพราะฉะนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่ตั้งขึ้นมา รอวันพิสูจน์ ซึ่งในสายตาตนนายทักษิณเป็นนักสู้คนหนึ่ง และเมื่อวานเห็นภาพนายทักษิณ สวมชุดคอกลมสีฟ้า และดูเหมือนจะกล้อนผมด้วยก็สะเทือนใจ ตนคิดว่าท่านพิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าจะหนีไปเลยก็ไปได้ เพราะอยู่นอกประเทศอยู่แล้ว และก็อยู่เมืองนอกไม่ได้ลำบาก ซึ่งการที่ตัดสินใจกลับมา ถือว่าเป็นคนที่รับผิดชอบต่อตัวท่านเอง และประชาชนที่เคารพนับถือท่าน ในสายตาตนนายทักษิณเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยคนหนึ่ง เมื่อถามว่า เรื่องนายทักษิณจะกระทบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะการที่นายทักษิณยอมรับโทษนั้นอาจจะมีทั้งกระแสเห็นใจและตีกลับหรือชื่นชมว่าได้ทำตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นความรู้สึกต่างๆของผู้คน จะรู้สึกอย่างไรก็เป็นไปตามความรู้สึกของคนเหล่านั้น แต่ตนเชื่อว่าคนที่เห็นใจและเข้าใจมีเยอะอยู่ และเรื่องพรรคเพื่อไทยไม่ต้องกังวล เราก็จะอยู่ […]