นายกฯ ซัดฝ่ายค้านปมกล่าวหาถูกพ่อครอบงำ

รัฐสภา 25 มี.ค.- นายกฯ ซัดฝ่ายค้าน ปมกล่าวหาถูกพ่อครอบงำ ย้อนผู้นำฝ่ายค้านฯ ก็ถูกครอบงำจากคนที่ไม่ใช่พ่อ อัด “ดีลปีศาจ” ทั้งที่เคยดีลตั้งรัฐบาล ทวงบุญคุณโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ ให้หลายครั้ง แต่ที่จำได้พรรคสีส้มไม่เคยโหวตให้เพื่อไทย ท้า กลางสภาฯ สมัยหน้าจะจับมือกับพรรคใดบ้าง เอาให้ชัดเจน


เมื่อเวลา 21.18 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายชี้แจงรอบที่ 2 ของวันนี้ (25 มี.ค.) ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระบุว่า เป็น 2 วันที่ได้ยินชื่อตนเองมากที่สุดในชีวิต ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ซึ่งอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จะส่งผลดีต่อประชาชน ส่วนที่กระทบกระทั่งกันบ้างถือว่าเป็นเรื่องปกติ และคิดว่าเราสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ โดยผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้เน้นย้ำถึงภาวะผู้นำ และการถูกครอบงำหลายครั้ง ซึ่งคนที่ย้ำเรื่องเดิมๆ หลายครั้ง ไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่ตนเองขาดหรือไม่ ซึ่งจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้ เพราะไม่ใช่มีแค่ตัวเองที่ถูกกล่าวหาเรื่องของการถูกครอบงำ ท่านถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยคุณพ่อ แต่ของท่านถูกครอบงำจากคนที่ไม่ใช่พ่อ ซึ่งไม่อยากให้ใครมาพูดเช่นนี้ ตนเองเคารพและให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านฯ และไม่เคยสงสัยในภาวะผู้นำของท่าน ความเป็นจริงเรามีอายุใกล้เคียงกัน ควรมีความเข้าใจกัน และเส้นทางทางการเมืองก็มีความคล้ายกันอยู่

”การมาอยู่ตรงนี้ได้ เราทั้งคู่ก็เจอกับชะตากรรมของพรรคการเมือง เพราะหากพรรคของตนเอง ไม่ถูกกระทำทางการเมืองในวันนี้ เราอาจจะยังมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ และพรรคของท่าน อาจจะยังมีหัวหน้าพรรคชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ได้ ซึ่งความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่ชะตากรรมทางการเมืองมาแบบนี้ ซึ่งเราควรต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และการด้อยค่าคนอื่นตนคิดว่าอย่าทำเลย“ นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า การที่ตนเองเป็นลูกสาวนายทักษิณ แน่นอนว่าถูกวิจารณ์และปรามาส มาตั้งแต่เป็นนิสิตนักศึกษา จวบจนมาถึงทุกวันนี้ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแ ละคงไม่ใช่เรื่องเสียหายเช่นกัน ที่ตนจะรับฟังและนำคำแนะนำของนายทักษิณ มาใช้หรือพิจารณา เพราะนายทักษิณ ก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากความคิดของนายทักษิณ จะเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็มั่นใจว่าจะเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากการยุบพรรค แต่ทุกคนก็ยังเดินหน้าทำงานการเมืองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำนโยบาย การเดินหาเสียง ยังสามารถทำได้ แต่ทำไมเป็นนายทักษิณคนเดียว ที่ทำแล้วเป็นประเด็น หรือว่านายทักษิณ ถูกตัดสิทธิ์ยกกำลังสองซึ่งก็ไม่แน่ใจ

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงเรื่องของการส่ง 40 อุยกูร์ กลับประเทศจีน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายผู้ลี้ภัย หากมีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยจะยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการกักขังชาวอุยกูร์ เป็นระยะเวลา 10 ปี ขณะที่ประเทศจีนที่เป็นประเทศแม่ก็แสดงเจตจำนงขอรับ และมีการทวงถามโดยที่ประเทศที่ 3 ไม่เคยมาทวงถามอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลได้พูดคุยกับประเทศจีน และต้องการให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางประเทศประเทศจีนมีความจริงจังในการทำหนังสือออกมา ถือเป็นพันธะสัญญากับสังคมโลก รัฐบาลไทยจึงรีบส่งกลับไป ซึ่งคณะของนายภูมิธรรม เดินทางไปจีนและยืนยันว่าทุกคนปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกฝ่ายและดีกับประเทศไทย ส่วนที่มีบางประเทศมาประณามหรือไม่ยอมรับ ซึ่งประเทศไทยเคารพทุกความคิดเห็น สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการใช้เวลาและอธิบาย เพื่อให้ทุกประเทศเข้าใจ เพราะประเทศเหล่านั้น ไม่ทราบว่าไทยกับจีนพูดคุยอะไรกัน จึงถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่แปลก และการกล่าวหาในเรื่องนี้อยากทราบว่า ได้มองครบทุกมิติในโลกแล้วหรือไม่ และการเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ก็ไม่แน่ใจว่าท่านใช้สองมาตรฐานหรือไม่ กับรัฐบาลนี้โดยเฉพาะหรือไม่ เพราะเท่าที่จำได้ไม่มีนโยบายจากพรรคการเมืองไหนเลย ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ซึ่งสามารถใช้เวทีนี้ประกาศไปเลยว่าจะตามที่ผู้ลี้ภัยต้องการทุกกรณี หรือจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง ประชาชนจะได้รับฟัง

ขณะที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกันเคยลงสัตยาบันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ทำไม่สำเร็จ และเมื่อเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ได้แถลงนโยบายดังกล่าวต่อรัฐสภา ซึ่งจุดยืนคือการแก้ไขโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ข้อกฎหมายที่ซับซ้อนทำให้การแก้ไขดำเนินการไปได้ยาก และมีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลและวุฒิสภา เช่น จำนวนครั้งในการทำประชามติ ซึ่งเราพยายามเดินต่อไปข้างหน้า และที่พวกท่านเรียกร้องให้แสดงภาวะผู้นำ ตนได้ทำอยู่ตลอดเวลา และมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลตลอดในทุกนโยบาย เพื่อแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างให้ชัดเจน โดยล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนร่วมกันที่จะส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แม้ว่าจะช้าหรือไม่ทันใจแต่ถือเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จ


“สำหรับภาวะผู้นำของตนต้องมีความอดทน ที่เป็นผู้นำรัฐบาลจากพรรครวมหลายพรรค และต้องมีเหตุผลและต้องมีความจริงใจ หากดันทุลังไปแล้วพังทุกรอบจะไม่เป็นผลสำเร็จขณะที่วันนี้มีสมาชิกมีที่อภิปรายเรื่องการต่อสู้ของประชาชน ซึ่งรัฐบาลนี้เคารพต่อสิทธิและเสรีภาพการแสดงออกของทุกฝ่าย และไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยบอบช้ำและเจ็บปวดแค่ไหน ซึ่งพรรคของเราเต็มไปด้วยนักการเมืองที่ต่อสู้เคียงข้างประชาชนคนเสื้อแดงหลายคน และมีลูกหลานของคนเสื้อแดงที่อยู่ในพรรค ถึงจะไม่ได้พกหมวกหรือผ้าพันคอมา แต่เราก็แสดงเรื่องนี้อย่างจริงใจและอยู่ในใจเสมอ“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงดีลแลกประเทศ ว่า หากคำว่าดีลหมายถึงการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน การเมืองทุกทุกที่บนโลกใบนี้ต้องมีดีล และก่อนหน้านี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยก็เคยดีลกับพรรคของท่านและพรรคของท่านก็มาดีลกับพรรคของเรา แล้วเราก็ยกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคของท่าน ด้วยความเชื่อที่ว่าพวกท่านสามารถรวมเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นการดีล เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับสองคน หรือระดับทุกคนในพรรค จึงทำให้เราดีลด้วย

“ที่ผ่านมา เรารักษาคำพูดของเราเสมอ ซึ่งท่านก็ดีลกับเรามาเสมอเช่นกัน เมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ดีล กับพรรคของท่าน ที่มาดีลกับเราให้ยกมือกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่าน ที่ขณะนั้นพรรคของท่านมีเสียงสส. เป็นอันดับ 3 และเมื่อการเลือกตั้งปี 2566 ท่านเป็นพรรคอันดับหนึ่ง มาดีลกลับพรรคเราซึ่งก็ตอบ แล้วก็ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่านอีกครั้ง ซึ่งครั้งแรกไม่ผ่านเราก็ยกมือให้กับท่านเป็นครั้งที่สอง ตามที่ดีลกันไว้ และยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคท่านมาโดยตลอด แต่เท่าที่จำได้ท่านไม่เคยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเราเลย และเมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็เดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบรัฐสภา ซึ่งรู้ดีว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้เราต้องพบเจอกับความยากลำบาก ต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง“ นางสาวแพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีความตั้งใจอย่างมากที่จะผลักดันนโยบายสู่ประชาชนจริงๆ ซึ่งตัวเลขได้บ่งบอกว่าศักยภาพของประเทศไทยเติบโตช้ามาเป็นระยะเวลา 10 ปี เพราะฉะนั้นหากไม่เริ่มแต่วันนั้นจะมีนโยบายที่ออกไปถึงมือประชาชนแบบวันนี้หรือไม่ การที่ กล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก แต่เงิน 10,000 ถึงมือประชาชน ไปถามประชาชนแล้วหรือยังว่ามีความสุขกับสิ่งนั้นหรือไม่ ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดขึ้นแล้ว หากไม่กระตุ้นเลยจะกระเตื้องแบบนี้หรือไม่ หากไม่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็ยังคงจะติดลบอยู่ และเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยต้องแบกเรื่องนี้ไว้และทำความเข้าใจกับประชาชน เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยภูมิใจที่ได้ดำเนินนโยบายต่างๆ และเดินสายไปต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศ แล้วทำให้การลงทุนของประเทศไทย สูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งที่เราเป็นรัฐบาลยังไม่ถึงหนึ่งปี เป็นเพียง 6 เดือนเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า ไม่มีใครที่อยากถูกกล่าวหา ซึ่งในวันนี้ให้เกิดความชัดเจน และสร้างการเมืองแบบใหม่ ก็ให้ท่านประกาศให้ชัดเจนเลยว่าสมัยหน้าท่านจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดเสียตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย