18 มี.ค.- ผู้ช่วย รมต.กต. ย้ำหนังสือรับรองความปลอดภัยชาวอุยกูร์ของทางการจีน มีผลผูกพันระหว่างประเทศ ลั่น! จะกล่าวหาไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ได้
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงหลักการพื้นฐานในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประการหนึ่งในหลักการ “Pacta Sunt Servanda” หรือ “Agreement must be kept” ที่ระบุว่า รัฐจะต้องปฏิบัติตามความตกลง ซึ่งถือเป็นกฏหมาย Customary law ที่เก่าแก่ที่สุดอันหนึ่งของโลก ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย และเป็นพื้นฐานของการดำเนินการความสัมพันธ์ทางการทูตของทั่วโลกมาโดยตลอด โดยหลักการนี้ปรากฏอยู่ในมาตราที่ 26 ของอนุสัญญา กรุงเวียนนาว่าด้วยกฏหมายสนธิสัญญา ซึ่งคือกฏหมายระหว่างประเทศที่ทั่วโลกยึดถือ ถ้าประเทศต่าง ๆ ไม่ทำตาม หรือไม่เชื่อในความตกลงที่ให้ไว้แก่กัน การดำเนินความสัมพันธ์ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างกัน ดังนั้น การที่จีนมีหนังสือทางการทางการทูตรับรองสวัสดิภาพ การกลับคืนสู่สังคมปกติของชาวจีนอุยกูร์ให้กับไทยนั้น จึงมีผลผูกพันตามกฏหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะต้องยึดถือและปฏิบัติตาม
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังเห็นว่า ในกรณีนี้ เมื่อทางการจีน มีหนังสือรับรองสวัสดิภาพและความปลอดภัยอย่างเป็นทางการจากประเทศต้นทางแล้ว ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิดหลักการด้านสิทธิมนุษยชนด้าน Non-Refoulement หรือการไม่ส่งคนกลับสู่ภยันตราย จึงจะนำมากล่าวหากับไทยไม่ได้ เพราะมีการค้ำประกันเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนโดยประเทศอธิปไตย ซึ่งย่อมทำให้ข้อกล่าวหาในประเด็นนี้หมดไปโดยปริยาย
ส่วนที่เหลือนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า จะต้องเรื่องของการพิสูจน์การปฏิบัติตามคำรับรองนั้น โดยจะมีการติดตามผลเป็นระยะต่อไป ซึ่งตราบใดที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดต่อชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คนนั้น ถือการด่วนสรุปล่วงหน้า และย่อมเป็นเพียงความเชื่อส่วนตัวที่ไม่ได้อยู่บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ดังนั้น การดำเนินการของรัฐบาล ไทยจึงเป็นไปตามกฏหมาย ทั้งภายในและระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนหลักการด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ ซึ่งและหากไม่เข้าใจ หรือไม่เคารพหลักการ Pacta Sunt Servanda หรือ Agreement must be kept ย่อมเป็นการไม่เข้าใจในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ .312.-สำนักข่าวไทย