ตาก 19 มี.ค. – ตำรวจเร่งเก็บหลักฐานหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ของกลาง ด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก ให้น้ำหนักไปที่ไฟป่า แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุพิกัดต้นเพลิง รวมถึงจำนวนรถที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายที่แน่ชัดได้
เหตุการณ์เพลิงไหม้รถยนต์ของกลางทางคดีของศุลกากรแม่สอด ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดรถของกลางรอประมูล ใกล้ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงและมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ สร้างความตกใจให้ชาวบ้านทั้งไทยและเมียนมา เนื่องจากติดแนวชายแดน กว่าไฟจะดับรถก็ถูกเผาเหลือแต่ซากหลายร้อยคัน
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดตาก นำอุปกรณ์พิเศษเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรถมือสองของกลางที่ด่านศุลกากรแม่สอดตรวจยึดไว้ เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานไปทีละโซน ทีละคัน เนื่องจากรถถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน จึงไม่สามารถตรวจสอบหมายเลขที่พ่นลำดับตัวเลขไว้หน้ากระจกแต่ละคันได้ ต้องตรวจหมายเลขคัสซีรถทีละคัน และเอาไปตรวจสอบยืนยันกับเลขบัญชีของศุลกากรแม่สอดที่ตรวจยึดไว้ ทำให้วันนี้สามารถตรวจสอบได้เพียงไม่กี่คัน และคงต้องใช้เวลาหลายวันในการเก็บหลักฐาน เนื่องจากมีรถที่ต้องตรวจพิสูจน์จำนวนมาก ทั้งนี้ ตำรวจ สภ.แม่สอด จะทำหนังสือด่วนที่สุดถึงศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 พิษณุโลก ประสานขอกำลังทีมตำรวจพิสูจน์หลักฐานทีมใหญ่ จากพิษณุโลกเข้ามาช่วย คาดว่าจะมาถึงใน 1-2 วันนี้ รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแม่สอด นำแผนผังการจัดเก็บรถมาเปรียบเทียบ เพื่อช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น ส่วนรถของกลางที่จอดอยู่มีทั้งสิ้น 820 คัน เป็นรถญี่ปุ่น มีทั้งรถเล็กไปจนถึงรถบรรทุก ยังไม่สามารถระบุจำนวนรถที่เสียหายได้ชัดเจน ซึ่งไม่ต่ำกว่า 150 คัน แต่ไม่เกิน 200 คัน
พล.ต.ต.ระวีพรรษ อมรมุณีพงศ์ รอง ผบช.ภาค 6 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก กล่าวหลังประชุมร่วมกับทีมสืบสวนสอบสวน สภ.แม่สอด ว่าขณะเกิดเหตุมีไฟไหม้ป่าหญ้าใกล้กับจุดเก็บรถยนต์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าเพลิงไหม้รถครั้งนี้มาจากสะเก็ดไฟไหม้ป่าลอยมาตกใส่รถยนต์ในลานจอดรถยนต์ของกลางดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องเร่งหาจุดต้นเพลิงว่าเกิดจากตรงไหน เพื่อพิสูจน์ว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากอะไร และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นจากไฟป่า เพราะมีไฟไหม้ป่าใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ และมีลมกระโชกแรง อาจทำให้ไฟป่าลอยมาตก หรือสาเหตุร่วมอื่น ยืนยันไม่มีรถหรู ทั้งหมดเป็นรถมือสองที่ขายไปไม่หมด จอดทิ้งมา 8-9 ปี สภาพค่อนข้างเก่า และจอดไว้แออัด ไม่เป็นระเบียบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่เกิดเหตุไว้ไม่ให้ใครเข้า และจะเรียก รปภ. มาสอบปากคำ เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งไม่มีกล้องวงจรปิด
สำหรับรถเหล่านี้เป็นของผู้ประกอบการรถยนต์หลายราย เตรียมส่งออกจำหน่ายไปนอกประเทศ แต่เกิดปัญหาไม่สามารถส่งออกได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงต้องถูกอายัด และจอดไว้นานกว่า 7 ปีแล้ว อยู่ระหว่างเปิดประมูล แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมาประมูล เพราะสภาพรถเก่า
ศุลกากรเผยรถที่ถูกเพลิงไหม้เป็นรถเก่า ไม่มีรถหรู
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อธิบดีกรมศุลกากร อยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนของตำรวจ ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมีรถของกลางจำนวนมากกว่า 200 คัน มีทั้งรถเก่า ใช้งานไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว และรถอยู่ระหว่างการดำเนินคดี แต่ไม่มีรถหรูราคาแพง.-สำนักข่าวไทย