ภารกิจซินเจียงอุยกูร์วันแรก ทีมไทยหารือทั้งสองฝ่ายทันที

ทำเนียบ 19 มี.ค.- ภารกิจซินเจียงอุยกูร์ วันแรกคณะไทย “รองฯ ภูมิธรรม – พ.ต.อ. ทวี” พบหารือทั้งสองฝ่ายนานนับชั่วโมงทันที ก่อนเริ่มภารกิจเดินทางไปพบ “ชาวอุยกูร์” ที่อยู่ห่างไกลไปกว่า 200 กิโลเมตร


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันนี้ (วันพุธที่ 19 มีนาคม 2568) เวลา 09.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการและสื่อมวลชน เดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายซู ต้าถง (Mr. Xu Datong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ให้การต้อนรับ

รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เข้าพบหารือกับนายฉี หยานจุน (Mr. Qi Yanjun) รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุป เกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลกลุ่มชาวจีนอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


จากนั้น เวลา 13.00 น. คณะผู้แทนไทย แบ่งออกเป็น 2 คณะ โดยคณะที่ 1 นำโดยรองนายกรัฐมนตรี และคณะที่ 2 นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แยกทีมกันเดินทางโดยรถยนต์ เพื่อไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย ที่บ้านพักส่วนตัว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาซือ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีของฝ่ายจีน ร่วมเดินทางด้วยทั้ง 2 คณะ

นายจิรายุ กล่าวว่า ตนพร้อม พ.ต.อ.ทวี และ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผบ.ตร. พร้อมสื่อมวลชนได้เดินทาง ด้วยรถโค้ช 2 คันไปยังบ้านของชาวอุยกรู์ ที่เดินทางกลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างทาง จะพบเห็นสภาพเมืองบ้าน ซินเจียง มีอาคารบ้านเรือนและสำนักงานสมัยใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มีทางด่วน สายหลัก และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองสำคัญ ทั้งนี้ คณะได้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที ถึงสถานปลายทาง ซึ่งเป็นท้องถิ่นชนบท ปลูกพืชผลทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ โดยบ้านของชาวอุยกูร์ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านสไตล์ชาวอุยกูร์ แบบบ้านปูนชั้นเดียว

คณะของ พ.ต.อ.ทวี ไปพบชาวอุยกูร์ 1 คนที่ อายุ 27 ปี อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายหลบหนีไปที่ประเทศไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ระหว่างสนทนากัน คณะได้สอบถามถึงความเป็นอยู่ หลังจากกลับมาบ้านเกิด บอกว่าบ้านเกิดเปลี่ยนแปลงไปมาก และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ในระหว่างที่สนทนาอยู่นั้น คุณแม่ได้แสดงความดีใจและตื้นตันใจ ถึงกับร้องไห้ออกมา ได้พบลูกชายที่ต้องพลัดบ้านเกิดไป นานนับสิบปีโดยไม่รู้ชะตากรรม อีกครั้ง


จากนั้น คณะออกเดินทางไป ทางทิศตะวันตก ราว 50 กม. ได้พบกับอีก ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งชาวอุยกูร์คนนี้ แสดงความดีใจ ว่าตั้งแต่กลับมา ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและปรับตัวได้แล้ว จากนั้นชาวอุยกรู์ได้ โชว์บัตรประชาชนจีนใหม่ของตนเองที่ได้ทำหลังจากเดินทางกลับจากประเทศไทย

ในช่วงเย็น รองนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านท้องถิ่นและมัสยิดอิดกะฮ์ (Id Kah) พร้อมทั้งร่วมหารือกับผู้นำศาสนาอิสลาม ในเมืองคาซือ และในช่วงค่ำ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ประชุมหารือร่วมกับตัวแทนชาวอุยกูร์ ที่อยู่ห่างไกลไปกว่า 500 กิโลเมตร ผ่านทางระบบวีดีโอคอล

และเวลาประมาณ 18.30 น. รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้หารือร่วมกับนายหม่า ซิงรุ่ย (Mr. Ma Xingrui) สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และคณะผู้บริหารของรัฐบาลจีน ระดับสูง โดยได้แสดงความขอบคุณคณะรัฐบาลไทย และยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทุกคนที่กลับประเทศจีน จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด

โดยนายหม่า กล่าวว่า อาจมีบางประเทศไม่อยาก ให้ซินเจียงเจริญ โดยใช้ข้อกล่าวหานี้ ซึ่งยืนยันรัฐบาลจีนปกครองซินเจียงในยุคสมัยใหม่ โดยที่มณฑลซินเจียงมีประชากรในรูปแบบชนเผ่า ถึง 56 ชนเผ่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ให้นโยบายไว้ว่า ซินเจียง จะต้องพัฒนา ในทุกมิติด้านเศรษฐกิจให้เป็นเมืองทันสมัยและปลอดภัย

ต่อจากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและกล่าวว่าหลังจากคณะรัฐบาลไทยเดินทางกลับไปแล้ว จะขอให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง และเจ้าหน้าที่ของไทยได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนกลุ่มนี้ต่อไป

สำหรับวันพรุ่งนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568) คณะนายภูมิธรรม จะเดินทางไปชมโรงเรียนในเมืองคาซือ และจะเดินทางต่อไป เยี่ยมชาวอุยกรู์อีกกลุ่ม ที่อยู่ห่างออกไป 200 กิโลเมตร โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงฯ ร่วมเดินทาง ด้วย

สำหรับคณะของ พ.ต.อ. ทวี จะเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ห่างออกไป กว่า 250 กิโลเมตร

ในช่วงเย็นเวลาประมาณ 20.00 น. คณะของรัฐบาลไทยจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง กลับมายังประเทศไทย โดยคาดว่าจะถึงเวลา 03:00 น. ของเช้าในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 นี้ .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]