ทำเนียบ 19 มี.ค.- ภารกิจซินเจียงอุยกูร์ วันแรกคณะไทย “รองฯ ภูมิธรรม – พ.ต.อ. ทวี” พบหารือทั้งสองฝ่ายนานนับชั่วโมงทันที ก่อนเริ่มภารกิจเดินทางไปพบ “ชาวอุยกูร์” ที่อยู่ห่างไกลไปกว่า 200 กิโลเมตร
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันนี้ (วันพุธที่ 19 มีนาคม 2568) เวลา 09.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการและสื่อมวลชน เดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองคาซือ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายซู ต้าถง (Mr. Xu Datong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ให้การต้อนรับ
รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เข้าพบหารือกับนายฉี หยานจุน (Mr. Qi Yanjun) รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุป เกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลกลุ่มชาวจีนอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
จากนั้น เวลา 13.00 น. คณะผู้แทนไทย แบ่งออกเป็น 2 คณะ โดยคณะที่ 1 นำโดยรองนายกรัฐมนตรี และคณะที่ 2 นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แยกทีมกันเดินทางโดยรถยนต์ เพื่อไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย ที่บ้านพักส่วนตัว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาซือ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีของฝ่ายจีน ร่วมเดินทางด้วยทั้ง 2 คณะ
นายจิรายุ กล่าวว่า ตนพร้อม พ.ต.อ.ทวี และ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผบ.ตร. พร้อมสื่อมวลชนได้เดินทาง ด้วยรถโค้ช 2 คันไปยังบ้านของชาวอุยกรู์ ที่เดินทางกลับมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างทาง จะพบเห็นสภาพเมืองบ้าน ซินเจียง มีอาคารบ้านเรือนและสำนักงานสมัยใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มีทางด่วน สายหลัก และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมืองสำคัญ ทั้งนี้ คณะได้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที ถึงสถานปลายทาง ซึ่งเป็นท้องถิ่นชนบท ปลูกพืชผลทางการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ โดยบ้านของชาวอุยกูร์ที่อยู่อาศัยเป็นบ้านสไตล์ชาวอุยกูร์ แบบบ้านปูนชั้นเดียว
คณะของ พ.ต.อ.ทวี ไปพบชาวอุยกูร์ 1 คนที่ อายุ 27 ปี อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายหลบหนีไปที่ประเทศไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ระหว่างสนทนากัน คณะได้สอบถามถึงความเป็นอยู่ หลังจากกลับมาบ้านเกิด บอกว่าบ้านเกิดเปลี่ยนแปลงไปมาก และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ในระหว่างที่สนทนาอยู่นั้น คุณแม่ได้แสดงความดีใจและตื้นตันใจ ถึงกับร้องไห้ออกมา ได้พบลูกชายที่ต้องพลัดบ้านเกิดไป นานนับสิบปีโดยไม่รู้ชะตากรรม อีกครั้ง
จากนั้น คณะออกเดินทางไป ทางทิศตะวันตก ราว 50 กม. ได้พบกับอีก ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งชาวอุยกูร์คนนี้ แสดงความดีใจ ว่าตั้งแต่กลับมา ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและปรับตัวได้แล้ว จากนั้นชาวอุยกรู์ได้ โชว์บัตรประชาชนจีนใหม่ของตนเองที่ได้ทำหลังจากเดินทางกลับจากประเทศไทย
ในช่วงเย็น รองนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านท้องถิ่นและมัสยิดอิดกะฮ์ (Id Kah) พร้อมทั้งร่วมหารือกับผู้นำศาสนาอิสลาม ในเมืองคาซือ และในช่วงค่ำ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ประชุมหารือร่วมกับตัวแทนชาวอุยกูร์ ที่อยู่ห่างไกลไปกว่า 500 กิโลเมตร ผ่านทางระบบวีดีโอคอล
และเวลาประมาณ 18.30 น. รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้หารือร่วมกับนายหม่า ซิงรุ่ย (Mr. Ma Xingrui) สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และคณะผู้บริหารของรัฐบาลจีน ระดับสูง โดยได้แสดงความขอบคุณคณะรัฐบาลไทย และยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทุกคนที่กลับประเทศจีน จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด
โดยนายหม่า กล่าวว่า อาจมีบางประเทศไม่อยาก ให้ซินเจียงเจริญ โดยใช้ข้อกล่าวหานี้ ซึ่งยืนยันรัฐบาลจีนปกครองซินเจียงในยุคสมัยใหม่ โดยที่มณฑลซินเจียงมีประชากรในรูปแบบชนเผ่า ถึง 56 ชนเผ่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ให้นโยบายไว้ว่า ซินเจียง จะต้องพัฒนา ในทุกมิติด้านเศรษฐกิจให้เป็นเมืองทันสมัยและปลอดภัย
ต่อจากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและกล่าวว่าหลังจากคณะรัฐบาลไทยเดินทางกลับไปแล้ว จะขอให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง และเจ้าหน้าที่ของไทยได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนกลุ่มนี้ต่อไป
สำหรับวันพรุ่งนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568) คณะนายภูมิธรรม จะเดินทางไปชมโรงเรียนในเมืองคาซือ และจะเดินทางต่อไป เยี่ยมชาวอุยกรู์อีกกลุ่ม ที่อยู่ห่างออกไป 200 กิโลเมตร โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงฯ ร่วมเดินทาง ด้วย
สำหรับคณะของ พ.ต.อ. ทวี จะเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ห่างออกไป กว่า 250 กิโลเมตร
ในช่วงเย็นเวลาประมาณ 20.00 น. คณะของรัฐบาลไทยจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง กลับมายังประเทศไทย โดยคาดว่าจะถึงเวลา 03:00 น. ของเช้าในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 นี้ .314.-สำนักข่าวไทย