“จิราพร” แถลง​ปราบบุหรี่ไฟฟ้า​ โชว์ยอดยึดพุ่ง​ 1.2 ล้านชิ้น

ทำเนียบ 19 มี.ค.- “รมต.จิราพร” นำแถลง​คืบปราบบุหรี่ไฟฟ้า​ โชว์ผลงาน​ 2 สัปดาห์เศษ​ ยอดยึดพุ่ง​ 1.2 ล้านชิ้น​ มูลค่า​ 231 ล้านบาท​ ก่อนรายงานนายกฯ​ 27 มี.ค.นี้​ ลั่น​บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น​ ด้านศุลกากร ยันตรวจยึดได้ไม่มีระงับคดี​เด็ดขาด พร้อมส่ง ปปง.สืบยึดทรัพย์​ทันที


นางสาวจิราพร​ สินธุไพร​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ พร้อมด้วย​ พลตำรวจโท​ อัครา​เดช พิมลศรี​ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวรณัฏฐ์​ หนูรอต ที่ปรึกษาด้านการปกครองกระทรวงมหาดไทย​ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมการกรมศุล​กากร นายกมลสิษฐ์​ วงศ์บุตรน้อย​ รองเลขาธิการ​คณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ฟอกเงิน​ นางสาวทรงศิริ จุมพล​ รองเลขาธิการ​คณะกรรมการ​คุ้มครอง​ผู้บริโภค​ ร่วมการแถลงข่าว​ ภายหลังการประชุมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า

โดย นางสาวจิราพร ระบุว่า​ จากข้อสั่งการ​ของนายกรัฐมนตรี​ในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า​ ได้มีการแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ในระยะเร่งด่วน เพื่อปูพรมการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เน้นพื้นที่ชายแดน​ โดยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของกรมศุลกากร ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยจะไม่มีการระงับคดีและส่งต่อไปยังตำรวจสอบสวนกลาง​ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน​ (ปปง.​) เพื่อสืบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์


ส่วนการปราบปรามร้านค้า ร้านที่มีที่ตั้งและออนไลน์ด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค​ (สคบ.) กระทรวงมหาดไทย​ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อ​เศรษฐกิจ​และ​สังคม​ (ดีอี​)ได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น โดยหาก จับกุมกรณีที่มีของกลางมูลค่า เกินกว่า 500,000 บาท​ จะส่งไปยังปปง. หากต่ำกว่า 500,000 ทางตำรวจจะสืบทรัพย์และส่งต่อปปง.​เพื่อดำเนินการ ส่วน กระทรวงดีอี สามารถปิดกั้นเพจและเว็บไซต์ต่างๆได้แล้วกว่า 9,500 กว่าเพจ

ขณะเดียวกันยังสร้างความตระหนักรู้ เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายควบคู่กัน ให้กับประชาชน​ รวมไปถึงเน้นที่สถานศึกษา เพราะนายกรัฐมนตรี​ มีความห่วงใยไม่อยาก ไม่อยากให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าโดยง่าย โดยใช้กลไกที่มีอยู่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องนำข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาทบทวน​ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวถึง ความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วนโดยเฉพาะการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและกวาดล้าง นับจากวันที่นายกรัฐมนตรี​มีข้อสั่งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ​25 กุมภาพันธ์​ ได้เริ่มดำเนินการทันที​ โดยมียอด​26 กุมภาพันธ์​ – 18 มีนาคม​ ยอด การจับกุมดำเนินคดี​ 1,741 คดี​ ผู้ต้องหา 1789 คน​ จำนวนของกลาง 1, 285,024 ชิ้น​ มูลค่า​ 231,881,074 บาท​


นอกจากนี้นางสาวจิราพร​ ยังระบุอีกว่า​ มีการยกระดับการทำงานที่เข้มข้น​ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มีการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เข้ามาจัดการ โดยเฉพาะมีส่งข้อมูลไปยัง​ ปปง.เพื่อสืบเส้นทางการเงินและขยายผลการจับกุมไปถึงต้นตอรายใหญ่​ นอกจากนี้ยังมีช่องทางการแจ้งเบาะแสส่วนต่างๆแล้ว มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ประชาชนสามารถแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชั่นทางรัฐ​ ที่พัฒนาร่วมกันกับกระทรวงดีอี

นางสาวจิราพรกล่าวต่อว่า​ หลังจากการดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นจะรายงานนายกรัฐมนตรี​ตามที่ได้รับมอบหมาย​ 30 วัน​ หรือ​ ในวันที่27 มีนาคม​ 2568 ซึ่งต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำงานอย่างเข้มข้นเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ในการส่งรายงานให้กับนายกรัฐมนตรี ถึงสถิติการจับกุม อุปสรรคและข้อปัญหาต่างๆที่จะมีการแก้ไขปัญหาทางระยะสั้นและระยะยาว

ด้านพลตำรวจโท​ อัครา​เดช กล่าวถึง การจับกุมผู้นำเข้าจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยผลปฏิบัติการตั้งแต่ปี 67 มีการจับกุมไปกว่า 1,400 กว่าราย ของกลางกว่า 1,600,000 ชิ้น มูลค่าการจับกุม 300 กว่าล้านบาท และในปี 2568 ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันมีการจับกุมกว่า 1,800 ราย ของกลางกว่า 1,400,000 ชิ้น แต่ไฮไลท์อยู่ในช่วงที่รัฐบาลดำเนินการเข้มงวด กวดขัน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์จนถึงวันที่ 18 มีนาคม ได้มีการจับกุมไปแล้วกว่า 1,700 ราย ของกลางกว่า1 ล้านชิ้น ซึ่งเป็นการจับกุม รายใหญ่ถึง 24 ราย ของกลาง1,200,000 ชิ้นซึ่งมูลค่าของกลางคำนวณได้กว่า 248 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการจับกุมในปี 67 เราจับกุมได้ขึ้นกว่า 468 ราย

พลตำรวจโทอัคราเดช ย้ำว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพและผิดกฎหมายมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่ควรนำมาใช้ในประเทศไทยและอีกข้อกฎหมายที่อยากจะแนะนำที่มีการนำไปใช้และเผยแพร่ ขายหรือจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท ,ครอบครองรับฝาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาประเมิน, นำเข้าหรือผลิต จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 5 เท่าของราคาประเมิน สูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ ปรับ 5,000 บาท

ขณะที่อธิบดีกรมการกรมศุล​กากร กล่าวว่า ศุลกากรเป็นเหมือนด่านหน้าในการดูแลเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผลิตในเมืองไทย เพราะฉะนั้นสินค้าที่มีการขายกันอยู่ต้นทางมาจากต่างประเทศ ส่วนกลไกของกรมศุลกากรถือว่ามีความสำคัญในการควบคุม ซึ่งมาตรการที่ทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินมาจนถึงข้อสั่งการของ นางสาวแพทองธาร นำระบบข้อมูลบัญชีสินค้า มาขยายผลเชื่อมโยงข้อมูลผู้นำเข้าและประเทศต้นทาง

อีกหนึ่งมาตรการคือการตรวจสอบทางกายภาพในทุกการขนส่งสินค้าทางเรือ ที่มีความเสี่ยงในการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย บุหรี่ไฟฟ้ารวมถึงสินค้าอื่นที่เป็นของต้องห้าม และของ ต้องจำกัดการนำเข้าทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศโดยจะมีสัดส่วนการเปิดตรวจทางกายภาพ ซึ่งในกรณีของบุหรี่ไฟฟ้ามีการเพิ่มสัดส่วนการเปิดตรวจเข้มข้นในระดับสูงสุด

สำหรับมาตรการตามแนวชายแดน และตามลำน้ำ พบว่าจะมีการลักลอบเข้ามาตามบริเวณแนวด่านชายแดน และจะมีการคุยกับศุลกากรประเทศต้นทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งหากมีข้อมูลจะสามารถระบุเป้าหมายได้

อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่าจะไม่มีการตกลงยอมความระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยเด็ดขาด และจะมีการดำเนินคดีสูงสุดในทุกกรณี พร้อม ดำเนิน มาตรการเชิงรุก ตรวจโกดังสินค้า และสถานที่ทำการ ไปรษณีย์รวมถึงบริษัทขนส่งเอกชน โดยมีการขอหมายศาล เข้าตรวจค้น ซึ่งเป็นมาตรการที่เริ่มดำเนินการแล้ว .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

Chaos and crowds at Poipet International Border Gate

สื่อกัมพูชาลงภาพคนแออัดที่ด่านปอยเปต

พนมเปญ 8 มิ.ย. – สื่อกัมพูชาเผยแพร่ภาพชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติแออัดที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต ในเช้าวันนี้ เพื่อรอข้ามแดน หลังจากไทยประกาศมาตรการจำกัดการข้ามแดนระหว่าง 2 ประเทศ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์เผยแพร่ภาพชุดจากเฟรชนิวส์ ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของกัมพูชา เป็นภาพสถานการณ์ที่จุดผ่านแดนถาวรด้านปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชาที่ติดกับบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้วของไทย เจ้าหน้าที่กัมพูชารายงานว่า สถานการณ์ช่วงเช้าวันนี้มีคนหนาแน่นมาก หลังจากทางการปรับเวลาเปิดปิดประตูจุดผ่านแดน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงพูดคุยกันและอำนวยความสะดวกให้แก่การผ่านแดนระหว่างกัน แขมร์ไทมส์รายงานว่า ไทยตัดสินใจปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดประตูแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้ปรับเปลี่ยนเวลาเปิดปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เป็นด่านสากลทั้งหมดเป็น 08.00-16.00 น. และปิดประตูที่เป็นด่านทวิภาคี.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombian Senator Miguel Uribe

ลอบยิงผู้สมัคร ปธน.โคลอมเบีย เป็นตายเท่ากัน

โบโกตา 8 มิ.ย. – หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียถูกลอบยิงอย่างอุกอาจ ระหว่างปราศรัยหาเสียงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงโบโกตา ภรรยาระบุว่า ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน คลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้ เผยให้เห็นวินาทีที่นายมิเกล อูริเบ สมาชิกวุฒิสภา วัย 39 ปี หนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโคลอมเบียปี 2569 ถูกมือปืนยิงหมายลอบสังหารขณะกำลังยืนปราศรัยหาเสียงต่อหน้าประชาชนจำนวนมากภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงโบโกตาเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้คนในที่เกิดเหตุพากันกรีดร้องตกใจ จากนั้นมีเสียงปืนตามมาอีกหลายนัด คาดว่าเป็นการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอูริเบกับมือปืน มีรายงานผู้ถูกยิงบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน ขณะที่นายอูริเบซึ่งถูกยิงเลือดอาบ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน พรรคศูนย์กลางประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นายอูริเบสังกัดอยู่ออกแถลงการณ์ประณามและเปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า คนร้ายยิงจากด้านหลัง ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า เขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด และเข้าที่เข่า 1 นัด ภรรยาของเขาโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่า สามีอาการเป็นตายเท่ากัน รัฐบาลโคลอมเบียแจ้งในเวลาต่อมาว่า ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ และกำลังสอบสวนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ โดยได้ตั้งเงินรางวัล 730,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24 ล้านบาท) แก่ผู้แจ้งเบาะแส สื่อท้องถิ่นรายงานว่า […]

สนามบินพร้อมสกัดกลุ่มเทาต่างชาติบินเข้าไทย หลังคุมเข้มเข้า-ออกด่านบก

7 มิ.ย. – ตามที่รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการเข้า-ออกด่านชายแดนทางบก และมีคำสั่งจากกองทัพบกให้อำนาจกองทัพภาคที่ 1 และ 2 พิจารณาคัดกรองการเข้าออกด่านชายแดนทางบก โดยเฉพาะ จ.จันทบุรี และสระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่ 7 มิ.ย.2568 ในส่วนของการเข้าทางอากาศ โดยเฉพาะทางสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มต่างชาติที่ใช้เส้นทางเข้าออกไทย-กัมพูชา หันมาเดินทางเข้าแทนช่องทางบกนั้น วันนี้ (7 มิ.ย.2568 ) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า ตม.สนามบิน พร้อมขานรับนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร ที่มีจุดยืนด้านความมั่นคงชัดเจน โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้เคยกำชับการสกัดกั้นคนต่างชาติที่มีพฤติกรรมเข้าออกประเทศด้วยฟรีวีซ่าที่ผิดวัตถุประสงค์ และกลุ่มที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ซึ่งอาจใช้ไทยเป็นแหล่งทำธุรกิจฟอกเงิน จากการทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และการปิดด่านชายแดน อาจมีกลุ่มต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ใช้เส้นทางเข้าไทยทางเครื่องบินแทนการผ่านแดนทางบก ทาง บก.ตม.2 จึงมีการสั่งการกำชับให้ด่าน ตม.สนามบินในสังกัด โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เพิ่มความเข้มในการเฝ้าสังเกตสกัดกั้นคนต่างชาติลักษณะเสี่ยงดังกล่าว โดยเน้นต่างชาติกลุ่มเฝ้าระวังสัญชาติเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการใช้ฟรีวีซ่าเข้าออกผิดประเภท […]

ข่าวแนะนำ

“อ.เฉลิมชัย” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ

9 มิ.ย. – “อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เปิดใจเหตุลาออกจากศิลปินแห่งชาติ ให้เหตุผลเป็นความตั้งใจว่าครบ 70 ปี จะลาออกทุกตำแหน่ง เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังพร้อมช่วยกระทรวงและวงการศิลปะ จากกรณี อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ จิตรกรรม ประกาศระหว่างบรรยายในงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สู่ Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ จ.ภูเก็ต ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 พฤษาคมที่ผ่านมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ เนื้อหาในจดหมายที่ถูกเผยแพร่ออกมาซึ่งเขียนด้วยลายมือของ อ.เฉลิมชัย ถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงวันที่ 30 พฤษภาคม มีใจความสำคัญว่า “เหตุผลของการลาออก เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว จึงได้ประกาศหยุดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะปรารถนาที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกส่วนตัวว่า เมื่อศิลปินแห่งชาติได้หยุดสร้างสรรค์ผลงานแล้วก็ไม่ควรที่จะมีตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้อีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมโปรดพิจารณาตัดชื่อข้าพเจ้าออกจากทำเนียบศิลปินแห่งชาติด้วย” ภายหลัง อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของการลาออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติว่า […]

“อนุทิน” สั่งเร่งตรวจสอบหลุมหลบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 9 มิ.ย. – “อนุทิน” สั่งการผู้ว่าฯ 7 จังหวัดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยประชาชน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อตรวจติดตามความพร้อมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา และได้รับทราบข้อมูลต่างๆในพื้นที่ ล่าสุด ได้มีข้อสั่งการให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนหลุมหลบภัยในพื้นที่ทั้งหมด โดยสำรวจว่ามีหลุมหลบภัยที่สามารถใช้งานได้ในสภาพดีจำนวนกี่แห่ง จำนวนหลุมหลบภัยที่ชำรุดและต้องการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมกี่แห่ง รวมทั้งสำรวจความต้องการในการก่อสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่เพิ่มเติม พร้อมระบุสถานที่และประมาณการงบประมาณที่ต้องการขอรับการสนับสนุน รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป .319.-สำนักข่าวไทย

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

The Ministry of National Defence claims Cambodia has not withdrawn troops from its sovereign territory

กห.กัมพูชายืนยันไม่ได้ถอนทหารจากดินแดนอธิปไตย

พนมเปญ 9 มิ.ย. – กระทรวงกลาโหมแห่งชาติ เน้นย้ำว่า กัมพูชาไม่ได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชายึดครองมายาวนาน เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาวันนี้ มีเนื้อหาดังนี้ “ตามแถลงข่าวจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติในวันนี้ กระทรวงฯ ขอชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังต่อไปนี้: 1.ไม่มีการถอนกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพกัมพูชาได้ประจำการมาเป็นเวลานาน 2.การดำเนินการทั้งหมดของกองทัพกัมพูชาประกอบด้วยการประจำการ การจัดวางกำลัง การปรับเปลี่ยน และการเคลื่อนย้าย อยู่ภายในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชาและมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา 3.กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการรุกรานทุกรูปแบบ 4.กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการเขตแดนร่วมหรือเจบีซี (JBC) เพื่อดำเนินการวัดแนวเขตแดนและจัดทำเส้นเขตแดนในส่วนที่เหลือระหว่างสองประเทศ รวมถึงจุดที่กัมพูชาจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) กระทรวงกลาโหมแห่งชาติขอให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชนใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น โดยเฉพาะแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้” .-814.-สำนักข่าวไทย