กรุงเทพ 11 มี.ค. – สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับมาตรการชะลอการขายกองทุน LTF สับเปลี่ยนสู่ Thai ESGX หนุนหุ้นกลุ่มยั่งยืน แม้รัฐจะสูญรายได้ 40,000-50,000 ล้านบาท แต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มั่นใจเป็นมาตรการชะลอการขายได้แน่นอน ถ้าออมต่อจะได้สิทธิพิเศษทางภาษี ด้าน ก.ล.ต. เตรียมทำแพลตฟอร์มตรวจสอบ LTF
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นตลาดทุนไทย โดยอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน ‘Thai ESG Extra’ ซึ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (ESG) พร้อมมาตรการจูงใจด้านภาษี หวังกระตุ้นสภาพคล่อง ดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ระบบ และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนไทย
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึง “การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย“ ว่า การตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ (Thai ESGX หรือ Thai ESG Extra Fund) รองรับการโยกเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อรักษาเสถียรภาพและยกระดับการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และการบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุน LTF รวมถึงส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของไทย คาดว่าจะส่งผลให้รัฐสูญรายได้ทางภาษีประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ
ทั้งนี้ การจัดตั้ง Thai ESGX และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF โดยให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนใหม่ที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่ออกหรือกิจการในไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน โดย บลจ.จะเปิดให้ผู้ลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ในทุก บลจ. เป็นหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX รวมทั้งเปิดขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไป
สำหรับเงื่อนไขนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนในกอง LTF จะต้องแสดงความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งจำนวนเป็นหน่วยลงทุน Thai ESGX เท่านั้น หากต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใน 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่กองทุน Thai ESGX เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนครั้งแรก แต่ไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย. นี้ โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุน Thai ESGX ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมองว่า มาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนไม่ให้เงินลงทุนไหลออกจากตลท. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทยและสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน
นายอัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ต้องรอติดตามว่าจะมีเม็ดเงินโยกเข้ากองทุนเท่าไหร่ แต่เชื่อว่า จากมาตรการนี้ จะทำให้ช่วยชะลอการขาย LTF ได้อย่างแน่นอน ด้านสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทย ลงไปประมาณ 14% มูลค่าหายไปเกือบ 200,000 ล้านบาท มีหลายปัจจัยที่กระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงถือเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังดำเนินการ คือ โครงการ Jump Plus ที่สนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน มุ่งเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะออกรายละเอียดเร็วๆ นี้ ซึ่งความตั้งใจ คือ อยากให้ตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตา มใครที่มี LTF ก็มีทางเลือกยังขายได้อยู่ หรือ ถ้าจะออมต่อก็จะได้สิทธิพิเศษทางภาษี
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการออมในการลงทุนระยะยาว และส่งเสริมในเรื่องผู้ระดมทุน ขณะเดียวกันมาตรการนี้จะชะลอแรงขาย LTF ได้บ้าง ขณะนี้เดียวกันมองว่า มาตรการดังกล่าวเป็นปัจจัยบวก ที่จะทำให้ผู้ถือหน่วย LTF มีทางเลือก เป็นสิ่งที่ มีทางเลือกย่อมดีกว่าไม่มีทางเลือก มาตรการนี้จะส่งผล กับหุ้นทุกตัวในตลาดหรือไม่นั้น การตั้ง ESG เป็นหุ้นที่ต้องผ่านเงื่อนไข ESG ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ 240 กว่าตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ ESG เพิ่มเติมซึ่งบุคคลใดที่มีทางเลือกใช้สิทธิ อย่าเพิ่งขาย LTF แต่ขายได้ตลอด แต่หากขายแล้วจะไม่มีสิทธิในการเลือกวงเงินลดหย่อนภาษี โดยขณะนี้ ก.ล.ต. ที่กำลังดำเนินการ คือ จะมีแพลตฟอร์มเข้ามาช่วย โดยจะเปิดแพลตฟอร์ม ให้เข้าไปเช็กว่ามี LTF ที่ไหนบ้าง หากตัดสินใจจะใช้สิทธิ ต้องไปแจ้ง บลจ. ตามระยะเวลาที่เปิด เพื่อปรับเปลี่ยนโยกย้ายก่อน อย่างไรก็ตาม หากจะครบตามเงื่อนไข ตามปีได้ จะต้องมาทั้งหมดตามที่กำหนด แม้จะเกิน 500,000 บาทก็ตาม
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ทางกระทรวงให้มากกว่าที่คาดการณ์ ทั้งการหยุดเม็ดเงินที่จะไหลออก และได้เม็ดเงินใหม่เข้ามาด้วย 2 มุมนี้ เชื่อว่าตลาดจะมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงจะมี มติทันทีวันนี้ ใครที่จะขาย LTF จะต้องส่งสัญญาณว่าหยุดขายก่อน โดยหากจะต้องการสับเปลี่ยนจะต้องโอนทั้งก้อน โอนไปบาง/ส่วนไม่ได้ ส่วนเม็ดเงินใหม่ เชื่อว่าจะเป็นตัวเสริม เป็นกำลังสำคัญ และจะตอบโจทย์ตลาดทุน ที่อยากเห็นเม็ดเงินใหม่ในตลาดทุน. -513-สำนักข่าวไทย