กรุงเทพฯ 10 มี.ค.-“เผ่าภูมิ” ย้ำสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์ จับมือหลายหน่วยงานปราบปรามอย่างจริงจัง ทั้งชายแดน เครือข่ายออนไลน์ หวังขจัดขจัดต้นตอการผลิต สุรา-ยาสูบ หนีภาษี
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายกับผู้บริหาร กรมสรรพสามิต กำชับให้กรมสรรพสามิตดำเนินงานตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” เดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง ในการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี โดยเฉพาะตามเส้นทางบริเวณชายแดน หรือการขายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีบนเครือข่ายออนไลน์ จึงยกระดับการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ประกอบด้วย
1.การขยายผลการจับกุมรายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ เพื่อขจัดต้นตอการผลิตหรือลักลอบนำเข้าสินค้าสรรพสามิต โดยเฉพาะสินค้าสุราและยาสูบ ให้บูรณาการกับหน่วยงานภายนอกเพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
2.เพิ่มศักยภาพด้วยการใช้เทคโนโลยี ได้ MOU กับบริษัทขนส่งทุกบริษัท ร่วมตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า ขยายผลหาผู้กระทำความผิดเพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต
3.สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน เน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางระบบร้องเรียน หรือสายด่วน 1713 โดยผู้ร้องเรียนมีสิทธิขอรับเงินสินบนรางวัลได้เมื่อคดีสิ้นสุดลง
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้นำกลยุทธ์ SMART Excise มาใช้เพื่อยกระดับการทำงานทั้งระบบ ทั้งการปรับปรุงโครงสร้างภาษี การขยายฐานภาษีไปยังสินค้าประเภทใหม่ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่อุตสาหกรรมตามที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้ 1.ด้านการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีเสีย ได้จัดชุดสายตรวจเพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังเส้นทาง การขนส่งตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล ที่เป็นจุดเสี่ยงที่อาจเกิดการลักลอบนำเข้าอย่างเข้มงวด
2.ด้านการลักลอบขนส่งสินค้าผ่านบริการขนส่งพัสดุ ได้กำชับศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ตรวจสอบการขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านทางออนไลน์ เร่งทำความตกลงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานขนส่งทุกบริษัท จัดทำ Big Data เพื่อใช้ในการสืบค้นข้อมูลและขยายผลหาผู้กระทำความผิด เพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้า ผิดกฎหมายสรรพสามิตต่อไป 3. ด้านการลักลอบขายสินค้า ร่วมมือกับหน่วยงานปกครองในทุกพื้นที่ ตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตและตรวจสอบใบอนุญาตขายสุราและใบอนุญาตขายยาสูบ ป้องกันการลักลอบขายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต
ดร.กุลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ ในช่วง 5 เดือนแรก ผลการปราบปรามของ กรมสรรพสามิตเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน มีจำนวนร 14,851 คดี สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 15.54 เงินค่าปรับนำส่งคลัง 198 ล้านบาท หลังได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปราม หากประชาชนท่านใดที่พบการกระทำผิดกฎหมาย แจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ.-515.-สำนักข่าวไทย