กรุงเทพฯ 7 มี.ค.-“พิชัย” รมว.พาณิชย์ ชี้แจงแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและชาวนา พร้อมยืนยันไม่มีนโยบายให้เปลี่ยนจากปลูกข้าวเป็นปลูกกล้วยทั้งหมด เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีวันนี้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการจะพาสื่อลงพื้นที่พบเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ จ.พิษณุโลก แต่ได้เปลี่ยนแผนงานยกเลิก โดยให้ที่ปรึกษาลงพื้นที่แทน และได้ปฏิบัติงานที่กระทรวงพาณิชย์ พร้อมเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ โดยนายพิชัย ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวอย่างใกล้ชิด คิดเสมอว่าทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน ต้องเร่งแก้ปัญหาทันที ราคาข้าวตกต่ำ เกิดจากอินเดียผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่กลับมาส่งออกอีกครั้ง ได้รวบรวมความเห็นของชาวนากลุ่มต่างๆ แล้วนำเข้าสู่ที่ประชุม นบข. ออกเป็นมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน โดยในระยะสั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือชาวนาโดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ ต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มาจากชาวนา ขณะที่ในระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลเร่งพิจารณาแนวทางเพิ่มรายได้ชาวนา โดยวางระบบการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและศักยภาพของแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้ การแนะนำการปลูกกล้วยเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกล้วยญี่ปุ่นที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายให้ชาวนาเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปปลูกกล้วยทั้งหมด แต่เป็นการเสนอทางเลือกเพิ่มเติมให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งมีการการส่งเสริมการทดลองปลูกกล้วย 150,000 ต้น เพื่อเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรเห็นถึงโอกาสในตลาดต่างประเทศ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนจากการปลูกข้าวเป็นกล้วยทั้งหมด
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับปัญหาราคาข้าวและติดตามข้อมูลราคาสินค้าเกษตรเป็นรายวัน โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า การพูดถึงพืชทางเลือก เช่น กล้วย หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เป็นเพียงแนวทางในการเพิ่มโอกาสให้เกษตรกร แต่ไม่ได้มีนโยบายให้เปลี่ยนจากการปลูกข้าวเป็นกล้วยทั่วประเทศ ข้าวยังคงเป็นพืชหลักของประเทศไทย และรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชาวนามีรายได้ที่มั่นคง” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย ยังกล่าวถึงแนวทางเพิ่มผลผลิตข้าว โดยรัฐบาลมุ่งพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้สามารถให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เช่นเดียวกับประเทศเวียดนามที่สามารถผลิตข้าวได้ 1.3-1.5 ตันต่อไร่ ขณะที่ข้าวไทยยังมีผลผลิตเฉลี่ยเพียง 600-800 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังดำเนินการขยายตลาดข้าวไทยไปยังประเทศจีนและแอฟริกา โดยล่าสุดมีคำสั่งซื้อจากจีน 280,000 ตัน และจากตลาดแอฟริกา 390,000 ตัน โดยดำเนินมาตรการกระตุ้นราคาข้าว ทั้งการเจรจากับประเทศผู้ส่งออก เช่น อินเดียและเวียดนาม เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาตลาดโลก รวมถึงการทำข้าวถุงขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เพื่อช่วยดูดซับปริมาณข้าวในตลาดและพยุงราคา.-511.-สำนักข่าวไทย