ฮ่องกง 25 พ.ย. – เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสิ่งแวดล้อมของจีนกล่าวว่า จีนตั้งเป้าหมายจะกำจัดมลพิษทางอากาศขั้นรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพภายในสิ้นปีนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เพิ่มความพยายามในการควบคุมมลพิษและลดการปล่อยแก๊สที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกะจก ซึ่งเรียกว่าเป็นการทำสงครามเพื่อท้องฟ้าสีคราม
หลี่ เทียนเหว่ย ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมทางอากาศของจีน กล่าวว่า จีนจะปรับปรุงเรื่องการคาดหมายคุณภาพอากาศและระบบการเตือนภัยล่วงหน้าและปรับปรุงการจัดการแบบประสานงานของอนุภาคอันตรายในอากาศ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า พีเอ็ม2.5 รวมถึงมลพิษโอโซนให้ดีขึ้น
หลี่ กล่าวผ่านทางแถลงการณ์ที่ปรากฎในเว็บไซต์ของกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีนว่า สิ่งที่เรียกว่า “การทำสงครามเพื่อท้องฟ้าสีคราม” ของจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นายหลี่กล่าวว่า คุณภาพอากาศของจีนปรับปรุงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 ระดับพีเอ็ม 2.5 ในเมืองต่าง ๆ อยู่ที่ 29.3 ไมโครกรัมต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร ลดลงร้อยละ 2.7 จากปี 2023 วันที่มีคุณภาพอากาศดีเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 87.2
หลี่กล่าวว่า จีนจะต้องนำมาตรฐานใหม่ด้านการปล่อยมลพิษในอากาศมาใช้ที่จะสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับสากล และว่า จีนจะต้องเพิ่มสัดส่วนของยานพาหนะที่ใช้พลังงานใหม่และเครื่องยนต์ที่ใช้ในสนามบิน ท่าเรือและศูนย์โลจิสติกต่าง ๆ เจ้าหน้าที่จีนมีแผนการที่จะส่งเสริมการขนส่งระยะไกลของสินค้าประเภทเทกองด้วยการใช้เส้นทางรถไฟหรือเส้นทางน้ำ แทนที่จะใช้การขนส่งทางถนน
องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า แม้ว่าจีนจะประสบความคืบหน้าในการแก้ปัญหาฝุ่นควันพิษ แต่มลพิษทางอากาศยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในจีนและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศจีนปีละประมาณ 2 ล้านคน ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตนั้น มลพิษทางอากาศที่อยู่ในบรรยากาศทั่วไปเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคน ในขณะที่มลพิษทางอากาศในครัวเรือนจากการปรุงอาหารด้วยเชื้อเพลิงที่ก่อมลพิษและเทคโนโลนยี ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 1 ล้านคน.-813.-สำนักข่าวไทย