นายกฯ ถกคณะผู้บริหารสมาชิก EU-ABC และ EABC

ทำเนียบ 19 ก.พ.- นายกฯ พบหารือคณะผู้บริหาร สมาชิก EU-ABC และ EABC เน้นย้ำนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนความร่วมมือเศรษฐกิจไทย-ยุโรป ด้านภาคเอกชนยุโรป เชื่อมั่นไทยมีศักยภาพทางธุรกิจ และเป็นประตูสู่อาเซียนที่สำคัญ พร้อมขับเคลื่อนร่วมมือระหว่างกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย


คณะผู้บริหารและสมาชิกสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (European Association for Business and Commerce: EABC) เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและรับทราบนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายวีระพงษ์ ประภา ผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมด้วย

ทั้งนี้นายเดวิด เดลี (H.E. Mr. David Daly) เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย นายโนเอล คลีเฮน (Mr. Noel Clehane) รองประธานคณะกรรมการบริหาร EU-ABC และนางภารณี อดุลยพิเชฏฐ์ ประธาน EABC ประเทศไทย เป็นผู้นำคณะผู้แทนบริษัทยุโรปในอาเซียน ใน 5 สาขาธุรกิจ ได้แก่ สาขาการเงินและธุรกิจประกันภัย สาขาสินค้าอุปโภคบริโภค สาขาการคมนาคม โลจิสติกส์ และพลังงาน สาขาเคมีภัณฑ์ เภสัชภัณฑ์ และสินค้าเกษตร และสาขาการให้คำปรึกษา เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี


โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบกับคณะผู้บริหารและสมาชิก EU-ABC และ EABC ในวันนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์และนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้กับภาคเอกชนยุโรป ซึ่งในการประชุม World Economic Forum เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้พบหารือกับรัฐบาลและผู้นำภาคธุรกิจของยุโรปจำนวนมาก พร้อมเน้นย้ำความพร้อมของไทยในการสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนยุโรป และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นด้านนวัตกรรมสมัยใหม่

สำหรับการหารือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชนยุโรปในอาเซียน โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมร่วมมือและสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนยุโรป และเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในด้านความยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล

ด้านเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับในวันนี้ ยืนยันว่า สหภาพยุโรปเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้และมีความน่าเชื่อถือสำหรับประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง โดยสหภาพยุโรปเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทย และมีการลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 43,000 ล้านยูโร ซึ่งช่วยสร้างงานได้กว่า 160,000 ตำแหน่ง ใน 19,000 บริษัทไทย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรปมาไทยมากเป็นอันดับ 3 โดยเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปฯ เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกในหลายสาขา พร้อมยินดีที่ภาคเอกชนยุโรปได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งถือเป็นภาคเอกชนยุโรประดับโลกที่มีเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการระดับโลก การหารือในวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีร่วมกันของทั้งสองฝ่าย


ส่วนรองประธานคณะกรรมการบริหาร EU-ABC ยินดีที่ได้นำคณะผู้แทนบริษัทยุโรปในอาเซียนเข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้จัดการพบหารือระหว่างคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐกับคณะผู้แทนบริษัทยุโรปในอาเซียนในหลายโอกาส โดย EU-ABC ถือเป็นกระบอกเสียงของภาคเอกชนยุโรปในอาเซียน และมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและสร้างสรรค์กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีการนำคณะผู้แทนบริษัทยุโรปในอาเซียนมาเยือนไทยเป็นประจำ พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคเอกชนยุโรป และได้รับความสนใจทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง นอกจากนี้ ไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมที่ยอดเยี่ยม และเป็นประตูสู่อาเซียน โดยจากการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจล่าสุด ภาคเอกชนยุโรปยังคงเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพาะความสามารถในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน และการฟื้นตัวจากโควิด-19 พร้อมเชื่อมั่นว่า FTA จะเป็นกลไกสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ขณะที่ประธาน EABC ประเทศไทย ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการหารือวันนี้ ยืนยันว่า EABC พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเชื่อมั่นว่า FTA จะสามารถปลดล็อคศักยภาพของไทยในด้านการค้าและการลงทุน และทำให้ไทยกลายเป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่ของโลก โดยเฉพาะในสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ขณะนี้ นอกจากนี้ ยังชื่นชมความมุ่งมั่นและความพยายามของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ความโปร่งใส และการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดย EABC พร้อมร่วมมือกับรัฐบาล ตลอดจนเพิ่มพูนความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพเพิ่มเติม โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล การดูแลสุขภาพ การเงิน รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการบริการ เป็นต้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอวิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการส่งเสริมความยั่งยืน ความเจริญรุ่งเรือง และความครอบคลุม ตลอดจนสนับสนุนการทำธุรกิจและการเติบโต เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยในระยะสั้น รัฐบาลมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการค้าและการท่องเที่ยว ขณะที่ในระยะยาว รัฐบาลมุ่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและการลงทุน โดยเฉพาะการเร่งรัดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี และการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งจะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ การบริหารงาน การต่อต้านการทุจริต และนโยบายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนด้านการค้า หวังว่า ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) ที่ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับที่ 16 ของไทย และฉบับแรกของไทยกับยุโรป จะช่วยปูทางสู่การสรุปการเจรจา FTA ไทย-EU ให้ได้โดยเร็ว เพื่อรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขัน ความยืดหยุ่น และความมั่นคงให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญ โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย พร้อมมาตรการดึงดูดให้บริษัทข้ามชาติใช้ไทยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาค รวมถึงจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในด้านสีเขียว ดิจิทัล และเศรษฐกิจเพื่อการดูแลและสุขภาพ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การวิจัยและนวัตกรรม การขนส่งและโลจิสติกส์ บริการสาธารณูปโภค เทคโนโลยีดิจิทัล และการจัดเก็บภาษี

ส่วนอุตสาหกรรมหลัก รัฐบาลวางแผนส่งเสริมการลงทุนเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลกในอุตสาหกรรมชั้นนำ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงและเซมิคอนดักเตอร์, ยานยนต์ ยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่, พลังงานทดแทนและชีวภาพ และเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี

การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านสีเขียว รัฐบาลให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและมีความก้าวหน้าภายใต้พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ. 2040 การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065

ส่วนศูนย์กลางการเชื่อมโยง รัฐบาลเห็นประโยชน์จากที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของไทย และมุ่งพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการพัฒนาการเชื่อมต่อทั้งทางรถไฟ, ทะเล, อากาศ และถนน พร้อมทั้งสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ทั่วประเทศ และดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างสนามบินใหม่ และโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อเชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย โดยรัฐบาลได้พูดคุยกับหลาย ๆ ประเทศ และได้รับความสนใจและการสนับสนุนที่ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งหากโครงการแลนด์บริดจ์สำเร็จ จะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนด้านการขนส่งจำนวนมาก

ด้านการท่องเที่ยวและซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา 60 วัน สำหรับ 93 ประเทศ/ดินแดน และการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) สำหรับ 31 ประเทศ/ดินแดน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นกว่า 35.5 ล้านคน ในปี 2567 รวมทั้งเร่งรัดกระบวนการขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่า พร้อมเสนอสวัสดิการเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาพำนักหรือทำงานในไทย

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ประเทศไทยเปิดรับต่อการดำเนินธุรกิจ ด้วยนโยบายที่ชัดเจนและสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมในการลงทุน จึงไม่มีเวลาไหนที่จะเหมาะสมที่จะลงทุนในประเทศไทยเท่าเวลานี้ พร้อมเชิญชวนคณะ EU-ABC และ EABC ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยรัฐบาลพร้อมทำงานร่วมกับภาคเอกชนยุโรป ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันแก่ทั้งสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) เป็นองค์กรหลักสำหรับกลุ่มธุรกิจจากยุโรปที่ดำเนินกิจการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมาธิการยุโรป และสำนักเลขาธิการอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาคเอกชนยุโรปที่ดำเนินกิจการในอาเซียน และร่วมพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายและกฎระเบียบที่จะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างยุโรปกับอาเซียน โดยสมาชิก EU-ABC ประกอบด้วยบริษัทยุโรปจำนวน 78 บริษัท และสภาหอการค้ายุโรป 9 แห่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ประเทศไทย (European Association for Business and Commerce: EABC) ที่เป็นสภาหอการค้ายุโรปประจำประเทศไทย มีสมาชิกจำนวน 156 บริษัท .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ