กรุงเทพฯ 12 ก.พ.-คลัง-ส.อ.ท. จัดกิจกรรม “ปลุกพลังสินค้าและเศรษฐกิจไทยด้วย MiT” ร่วมผลักดันสินค้า-SME ไทย ในงาน FTI Expo 2025 ด้าน “พิชัย” เผยหารือ บสย. หนุนปล่อยสินเชื่อรถกระบะมากขึ้น ช่วย SME
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง จัดกิจกรรม “ปลุกพลังสินค้าและเศรษฐกิจไทยด้วย MiT” ภายใต้งาน FTI Expo 2025 มหกรรมแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมไทยเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมสินค้า Made in Thailand (MiT) และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในประเทศและระดับสากล ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน ได้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ 10 หน่วยงานรัฐ ที่สนับสนุนการจัดซื้อสินค้า MiT ด้วยวิธี e-bidding มากที่สุด และ 2 หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันสินค้าไทยให้เติบโต
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน โดยยระบุว่าการผลักดันการใช้สินค้า Made in Thailand ของภาครัฐว่า “FTI Expo 2025 เป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะโครงการ Made in Thailand (MiT) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จะช่วยลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย และกระจายรายได้สู่ประชาชนในทุกระดับ
สำหรับงานนี้ถือเป็นการขับเคลื่อน เศรษฐกิจด้วยเอสเอ็มอี เป็นการดึงเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ เข้ามาร่วมผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก โดยอาศัยความก้าวหน้าทางนวัตกรรม ทางดิจิทัล และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้เราจะเห็นธุรกิจตั้งแต่ระดับต้นน้ำมีวิจัยมากขึ้น มีรายได้ ทำให้เห็นศักยภาพด้านการแข่งขัน ถือเป็นทิศทางที่ดี ทั้งนี้ SME ในประเทศไทย มีการเปลี่ยนถ่ายจากเทคโนโลยีรูปแบบเดิมๆมาเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น
นายพิชัย ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือ SME โดยการปล่อยสินเชื่อรถกระบะ ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการช่วยเหลือเอสเอ็มอีด้านสินเชื่อบ้านและรถ หากยังมีบ้านอยู่ แต่ยังมีอึกกลุ่มที่ไม่มีบ้าน เหลือแต่รถแล้วจำนองทะเบียนรถไว้ จึงต้องหาทางช่วยเหลือกลุ่มนี้ จะพยายามให้มีการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น โดยจะมีการทำงานร่วมกับ บสย. เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มนี้ได้มากขึ้น
ส่วนกรณีที่ สมาคมเช่าซื้อเสนอรัฐ ให้ผู้ซื้อรถยนต์สามารถนำค่างวดผ่อนชำระมาหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ในลักษณะเดียวกับที่นิติบุคคลสามารถนำรถยนต์ลงบัญชีและหัก ค่าเสื่อมราคาเป็นค่าใช้จ่ายหรือหักค่าเช่าลีสซิ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ เพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นดีมานด์ เป็นมาตรการตรงจุดไม่หว่านแห นั้น นายพิชัย มองว่าเป็นคนละประเด็นกัน และเชื่อว่าการช่วยให้ผู้ซื้อสามารถผ่อนชำระค่างวดได้เป็นสิ่งสำคัญกว่า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขับเคลื่อนโครงการ Made in Thailand หรือ MiT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพยายามสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวมถึงเสริมความเชื่อมั่นในตลาดโลก โดยคาดหวังว่าหากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกับขับเคลื่อนฯ โดยเฉพาะการเพิ่มการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้มากขึ้น เช่น การส่งเสริมให้ภาคเอกชนซื้อสินค้า MiT และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและค่าใช้จ่ายสำหรับการส่งออกสินค้า MiT ก็จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้น GDP ของประเทศให้เติบโต สร้างงานและรายได้ให้กับกลุ่ม SMEs และที่สำคัญจะทำให้เกิดการไหลเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยต่อไป
นางสาวเพชรรัตน์ เอกแสงกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคณะกรรมการกำกับหลักเกณฑ์ MiT เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน MiT แล้วกว่า 5,000 กิจการ ครอบคลุมมากกว่า 60,000 รายการสินค้า โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับการรับรองมากที่สุด ได้แก่ อุปกรณ์งานก่อสร้าง ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เครื่องปรับอากาศ และปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ โครงการ MiT ยังช่วยกระจายเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอีกด้วย
หน่วยงานรัฐที่มีสัดส่วนการจัดซื้อสินค้า MiT ด้วยวิธี e-bidding มากที่สุด ได้แก่ 1.กรมชลประทาน 2.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 3.การไฟฟ้านครหลวง 4.การประปานครหลวง 5.กองทัพบก 6.กรมทางหลวง 7.กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 8.การประปาส่วนภูมิภาค 9.กรมธนารักษ์ และ 10.กองทัพเรือ
สำหรับหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนสินค้า Made in Thailand (MiT) ได้แก่ 1. กรมบัญชีกลาง และ 2. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
งาน FTI Expo 2025 เป็นเวทีที่รวบรวมภาคอุตสาหกรรมไทยทุกสาขาเพื่อแสดงศักยภาพและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:00 – 19:00 น. ณ Hall 5 – 8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.-516.-สำนักข่าวไทย