รัฐสภา 16 ม.ค.- “เต้ มงคลกิตติ์” ยื่นผู้นำฝ่ายค้านตรวจสอบ โครงการจัดหาระบบวิทยุสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย สมัยรัฐบาลก่อน ชี้ส่อฮั้วทุจริต ทำราคากลางสูงเกินจริง งบกว่า 4,300 ล้านบาท ยันไม่เกี่ยวเป็นที่ปรึกษา “เฉลิมชัย” ลั่นพร้อมตรวจสอบทุกโครงการของรัฐบาล
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เข้ายื่นหนังสือถึงโฆษกประจำตัว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ตรวจสอบโครงการจ้างจัดหาระบบวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย งบประมาณ 4,316,741,160 บาท ซึ่งโครงการนี้เป็นการเช่าซื้ออุปกรณ์โครงข่าย ลูกข่าย วิทยุพกพา และเช่าบริการโครงข่ายสำหรับใช้งานในข่ายบังคับบัญชาของกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นการจัดหาวิทยุสื่อสารชนิดมือถืออุปกรณ์สื่อสารกระจายลงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สรุปดังต่อไปนี้
- จัดหาวิทยุสื่อสาร/อุปกรณ์สื่อสาร รวม 105 ชุด จัดหาอุปกรณ์สื่อสารมาตรฐาน LTE (LTE Device) จำนวน 145 ชุด
- จัดหาอุปกรณ์สื่อสารมาตรฐาน LTE (LTE Device) จำนวน 145 ชุด (แห่งละ 5 ชุด) ให้แก่หน่วยงานมหาดไทย และกระทรวงต่างๆ ที่เป็นลูกข่าย รวมถึง กรมประชาสัมพันธ์ กอ.รมน. และ ห้องประชาสัมพันธ์จังหวัด รวมทั้ง ศาลากลางจังหวัดทั้ง 76จังหวัด
- จัดหาเครื่องวิทยุสื่อสารชนิดมือถือ(Handkeld) รวม 75,986 ชุด ให้แก่ ศาลากลางจังหวัด แห่งละ 1 ชุด จำนวน 76 จังหวัด สำหรับที่ว่าการอำเภอ สำหรับนายอำเภอ อำเภอละ 1 ชุด จำนวน 877อำเภอ และ ตำบล/หมู่บ้าน “กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน” แห่งละ 1 ชุด จำนวน 75,032 ตำบล/หมู่บ้าน
- เชื่อมโยงเครือข่าย ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น เชื่อมวงจรความเร็วสูง วงจรอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใน 878 อำเภอ รวมทั้ง ออกแบบ และติดตั้งระบบสื่อสาร “เฉพาะกิจ” กลุ่มสนทนา หรือ กลุ่มการใช้งาน (Talk Group) ตามพิกัด 75,032 ตำบล
- ติดตั้งอุปกรณ์และระบบวิทยุแบบดิจิทัลที่ “หอกระจายข่าวหมู่บ้าน” ซึ่งมีอยู่เดิม ที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด และหน่วยราชการ
นายมงคลกิตกล่าวว่าพบพิรุธสทุจริตฮั้วประมูลโดยมีการตั้งคณะกรรมการที่โออาที่เป็นพวกพ้องนามบริษัทที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วม มาประมูลงาน และยังจัดราคากลางสูงเกินจริง ล็อคสเปคอุปกรณ์ทั้งหมดให้กับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ ดัง (โมโตโรร่า) และกำหนดราคาอุปกรณ์มีราคาสูงเกินจริง และล็อกสเปคอุปกรณ์โครงข่าย ให้จำเป็นต้องใช้ยี่ห้อเดิมตลอดไป หากมีการขายโครงข่ายต้องซื้อกับตัวแทนขายเพียงรายเดียวคือบริษัท S
นอกจากนี้ ยังกำหนด tor ล็อคสเปคให้บริษัท NT เป็นผู้ชนะงานประมูล จากนั้นบริษัท S เข้ารับช่วงงาน มูลค่า 3,300 ล้านบาท และบริษัทที่ยื่นประกวดราคา มีผลประโยชน์ร่วมกันโดยรับช่วงงานจากบริษัท S ขณะเดียวดันยังมีการวิ่งเต้นไม่ให้มีการร้องเรียน เพื่อให้บริษัท NT เป็นผู้ชนะ
นายมงคลกิตติ์ ยืนยันว่า ในการยื่นให้ฝ่ายค้านตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ได้ทำในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทำในฐานะประธานเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น และแม้จะร่วมรัฐบาลในขณะนี้แต่ก็พร้อมตรวจสอบทุกโครงการ.-312 -สำนักข่าวไทย