กทม.25 ก.ย.-ตำรวจสรุปสำนวนคดีเงินทอนวัด เตรียมส่ง ป.ป.ช. พรุ่งนี้ พบมีผู้ต้องหา ทั้งหมด 19 คน เป็นฆราวาส 15 พระ 4 รวม 23 สำนวน
พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ ปปป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า พรุ่งนี้ เวลา 13.00 น.จะนำสำนวนคดีล็อตที่ 2 รวม 23 คดี มูลค่ากว่า 140 ล้านบาท ส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขณะนี้มีผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเพียง 6 คน ส่วนพระ 4 รูป ที่เกี่ยวข้องคือ พระราชรัตนมุนี (บุญเทียม มุสุ หรือบุญเทียม ญานินโท) เลขาฯสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการามฯ,พระเทพเสนาบดี(พระราชพุทธิวราภรณ์) เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามฯ และเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี ,พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ (อุดม สุระกาพย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามฯ และพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค อำเภอชนแดน และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ได้ประสานให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วแต่ยังไม่มา หากไม่มา ก็ไม่กระทบสำนวน เนื่องจากเป็นการดำเนินการของตำรวจในเบื้องต้น ป.ป.ช. สามารถออกหมายเรียกและหมายจับได้ภาย
พลตำรวจตรีกมล กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดำเนินการเท่าที่ทำได้ตามความเหมาะสม โดยดำเนินคดีกับพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องใน 3 ลักษณะ คือ ทางวัดแบ่งเบินงบประมาณ ทอนเงินให้กับข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้อง ลักษณะที่ 2 คือ มีการโอนเงินเข้าบัญชีของพระสงฆ์ แทนที่จะโอนเข้าบัญชวัด ลักษณะที่ 3 คือ วัดของบประมาณสนับสนุนด้านการศึกษา ทั้งที่ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 19 คน แบ่งเป็น ฆราวาส 15 คน พระ 4 รูป รวม 23 สำนวน ในฐานความผิด มาตรา 86 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด มาตรา 147 เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง และมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ.-สำนักข่าวไทย