7 ธ.ค. – “พิธา” ปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุบลฯ ครั้งแรก ป้าๆ อดใจไม่ไหว โดดขึ้นเวทีหอมฟอดใหญ่ ผูกผ้าขาวม้ารับขวัญ เจ้าตัวลั่นสำโรงไม่สำรอง โวคะแนนตั้งแต่อนาคตใหม่ – ก้าวไกล ขยับขึ้นเท่าตัว แม้ไม่ได้ สส.เขต มองมีโอกาสเป็นตาอยู่ ในศึกตาอินกับตานา ขอประชาชนตัดสินใจจะเลือกขั้วใหญ่หรือขั้วใหม่
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชน โดยวันนี้มีกำหนดการเดินสายปราศัยหาเสียงในหลายจุด
จุดแรกขึ้นเวทีปราศรัยที่หอประชุม อำเภอสำโรง จังหวะที่นายพิธาขึ้นไปบนเวทีปราศรัย ปรากฏว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่ง เป็นป้าๆ ที่ชื่นชอบนายพิธา แห่กันเดินนำผ้าขาวม้าไปผูกที่เอว พร้อมทั้งสวมกอด และหอมแก้มกันยกใหญ่
ก่อนที่นายพิธา จะพูดเป็นภาษาอีสานว่า “สบายดีบ่ คิดฮอดหลายๆ ฮักนะสำโรง” พร้อมบอกต่อว่า “สำโรง ไม่ใช่สำรอง” และหากไม่ติดว่า ห้ามรื่นเริง ห้ามร้องเพลง ก็จะร้องเพลง “ไม่เป็นรอง” แล้ว
นายพิธา กล่าวว่า นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ยังมีคนบอกว่า 22 ธันวาคม นายสิทธิพล ยังเป็นมวยรอง ตนยอมรับว่าอาจจะใช่ แต่ที่แต่ที่สำโรง ไม่สำรองแน่นอน เพราะคะแนนที่นี่ได้มาเป็นที่หนึ่งตั้งพรรคอนาคตใหม่ การเลือก อบจ.อุบลราชธานี ปี 2563 จนกระทั่งมาพรรคก้าวไกล และเลือกตั้งวันที่ 22 ธันวาคม คะแนนนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้ที่มายังอำเภอสำโรง เพราะถือเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาชน เห็นบรรยากาศแบบนี้ ก็นึกถึงอดีตอันแสนอบอุ่น ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จนมาถึงพรรคประชาชน และแม้จะมีการยุบพรรคได้ ตัดสิทธิ์ได้ แต่ตัดใจตนจากประชาชนไม่ได้
โดยพรรคมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ประชาชนให้ความไว้วางใจ 111,000 คะแนน ถัดมาการเลือกอบจ.ปี 2563 ได้คะแนนประมาณ 100,000 กว่าคะแนน ต่อมาตอนพรรคก้าวไกล สส.เขตกลายเป็นได้คะแนน 180,0000 คะแนน แม้จะไม่มี สส.เขต แต่คะแนนแบบบัญชีรายชื่อ แต่บัญชีรายชื่อนั้นได้กว่า 320,000 คะแนน ถือว่าไม่ทำธรรมดา แม้จะยังไม่ได้สส.เขต ไม่ได้รับใช้ในสภา แต่ภายใน 5 ปี จาก 100,000 คะแนน เป็น 180,000 คะแนน จนถึง 320,000 คะแนน
นายพิธา ยังเล่าย้อนไปถึงการมาอุบลราชธานีครั้งแรกเมื่อน้ำท่วมใหญ่ ที่อำเภอวารินชำราบ ปี 2562 และปี 2565 ก็มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง ตนลงพื้นที่อุบลราชธานีเป็นครั้งที่ 2 ทำให้เข้าใจความทุกข์ยากของชาวอุบลราชธานี เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ และทำให้สนใจปัญหาของชาวอุบลมากขึ้น และมาถึงเดือนนี้ วันที่ 22 ธันวาคม จะมีการเลือกตั้ง อบจ.อุบลราชธานี ตนยิ่งต้องลงมาใหญ่ ก่อนจะระบุถึงนายสิทธิพลว่า เป็นคนอุบลราชธานีแท้ๆ เป็นนักธุรกิจ เป็นเกษตรกร และเป็นรองนายก อบจ.มาก่อน มีนโยบายสำคัญในการดูเรื่องสวัสดิการของประชาชนโดยเฉพาะ และเมื่อได้รับสะสมประสบการณ์ มีนโยบายที่ต้องการรับใช้ประชาชน
นายพิธา กล่าวต่อว่า วันนี้นอกจากมาขอบคุณประชาชนที่เคยให้ไว้วางใจ ให้กับพรรคก้าวไกลที่มอบคะแนนแบบบัญชีรายชื่อ 320,000 คะแนน ซึ่งยังไม่เคยมีโอกาสได้ลงมาขอบคุณด้วยตัวเอง แต่วันนี้มีโอกาสนั้นแล้ว และแม้การเลือกตั้ง อบจ.อุบลราชธานี เป็นมวยรอง แต่ตนก็มองเป็นยุทธศาสตร์แบบตาอิน ตานา แล้วนายสิทธิพลจะเป็นตาอยู่หรือไม่ ในขณะเดียวกันคนที่ถูกมองข้าม แต่มีวิสัยทัศน์ มีความอดทน หาจังหวะ กลยุทธ์ที่เหมาะสม และมีความขยัน ก็มีโอกาสแซงเบอร์อื่นได้เหมือนกัน
นายพิธายังย้ำความสำคัญของการเลือกนายก อบจ.นั้นสำคัญยิ่ง ที่ทั่วประเทศมีงบประมาณ 66,000 ล้านบาท และจะเลือกพร้อมกันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ แต่เป็นเพราะอดีตนายก อบจ. คนก่อนชิงลาออก ก็เลยต้องรบกวบประชาชน 2 ครั้ง ขณะเดียวกันคนเป็นนายก อบจ.มีงบประมาณมหาศาล เฉพาะอุบลราชธานีที่เดียวมี 1,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหยาดเหงื่อน้ำตา หน้าที่ทำงานกลายเป็นภาษี เป็นรายได้ ภายในจังหวัด หรือรัฐบาลกลางส่งมาให้ หากหวงแหนการงานเงินทองภาษีของท่านต้องไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ และขอให้คนอุบลราชธานีแก้ไขปัญหาของคนอุบลราชธานีด้วยกัน
บางช่วงนายพิธา หยิบแผ่นพับหาเสียงของนายสิทธิพลขึ้นมา พร้อมพูดนโยบาย 5 ดี 25 อำเภอ 219 ตำบล สำหรับตนชอบนโยบาย 1,000 กิโลเมตร ถนนปลอดภัย เพราะจากกรุงเทพมหานครมองว่า ใน 76 จังหวัด จังหวัดที่ถนนในหมู่บ้านมีปัญหาใช้การไม่ได้เกิน 50% อยู่ที่อุบลราชธานี และอีกนโยบายคือ อุบลเพลินทั้งปี มีมุมเที่ยวใหม่ เน้นการท่องเที่ยว ชอบที่สุดเรื่องการจัดมหกรรมซอยจุ๊โลก หากจัดเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญด้วย จะขอมาจุ๊ด้วย นโยบายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นผู้สมัครทีทเกาถูกที่คัน
นายพิธา ทิ้งท้ายว่า วันที่ 22 ธันวาคม ประชาชนต้องตัดสินใจ ในขณะที่ 2 ขั้วใหญ่ชนกันเอง ซึ่งประชาต้องตัดสินใจว่า “จะเอาขั้วใหญ่ หรือ จะเอาขั้วใหม่” .- 312 สำนักข่าวไทย