ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ “หมู่อาร์ม” ถูกรถขนต่างด้าวชนดับ

กำแพงเพชร 18 ธ.ค. – สุดสะเทือนใจ นำร่าง “หมู่อาร์ม” ผบ.หมู่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ถูกรถกระบะขนแรงงานต่างด้าวแหกด่านพุ่งชนเสียชีวิต กลับมาบำเพ็ญกุศล ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะตำรวจตั้งจุดสกัด บริเวณ ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร เพื่อจับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าว หลังได้ข้อมูลว่าจะมีขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวจากอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ผ่านพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เป็นรถ 3 คัน ประกอบด้วยกระบะ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด ทะเบียนจังหวัดตาก ทำหน้าที่รถนำทาง, รถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียนจังหวัดสระบุรี และ รถยนต์กระบะ 4 ประตูมีหลังคาแครี่บอย ทะเบียนอุตรดิตถ์ โดยใช้เส้นทางถนนหนองแดน-นาบ่อคำ ในการลักลอบเดินทาง เมื่อรถเป้าหมายขับผ่าน ตำรวจจึงใช้รถโล่ตำรวจจอดขวางไว้ 1 ช่องทาง และวางอุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์ ไว้บนถนนในช่องทาง ที่เปิดไว้ แต่รถขบวนการขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน ที่มีนายสัว อายุ 45 ปี และนายทรงพล เป็นคนขับ กลับเร่งความเร็วก่อนถึงจุดสกัด โดยรถทะเบียนสระบุรี ขับหักไปอีกเลน ซึ่งมีอุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์วางอยู่ เพื่อฝ่าหลบหนีจุดสกัด ทำให้ล้อหน้ารถทั้งสองข้างยางรั่วไม่สามารถไปต่อได้

ขณะที่กระบะ 4 ประตู ทะเบียนอุตรดิตถ์ ของนายทรงพล ไม่ยอมหยุดรถ และพุ่งชนรถตำรวจที่จอดอยู่อย่างจัง ทำให้ตำรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าวกระโดดหลบกันจ้าละหวั่น แต่ท้ายรถได้ฟาดร่างของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ภวัตรัชต์พงษ์ หรือ หมู่อาร์ม ที่ยืนปฏิบัติหน้าที่กระเด็นไปฟาดกับเสาไฟส่องสว่างข้างทางเสียชีวิตคาที่ ส่วนคนขับรถ กระโดดออกจากรถ และวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อยข้างทาง ตำรวจจึงปิดล้อมและจับกุมตัวได้ในที่สุด ขณะที่นายทรงพลได้โทรตามนายนิพัทธ์ พี่ชายที่ขับรถนำทางว่ารถของตนตกถนน นายนิพัทธ์จึงขับรถวนกลับมาดู และถูกจับกุมได้ทั้งหมด โดยรถทั้ง 3 คัน ขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามาทั้งหมด 19 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 8 คน


จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การรับสารภาพว่า รับแรงงานต่างด้าวมาจากพื้นที่อำเภอวังเจ้าจังหวัดตาก จะไปส่งที่จังหวัดอุทัยธานี โดยได้ค่าขนส่งคันละ 8,000 บาท นายทรงพล คนขับรถคันสุดท้ายที่ชนตำรวจเสียชีวิต เล่าให้ฟังว่าขนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้ โดยอ้างว่ามาถึงที่เกิดเหตุไม่เห็นรถตำรวจเห็นแค่รถคันหน้าหักหลบ ถ้าเห็นตนก็จะไม่ชนพอรู้ว่าชนด้วยความตกใจจึงหลบหนี และระหว่างที่พันตำรวจเอกเอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร กำลังสอบปากคำอยู่นั้น นายทรงพล ยังได้ต่อรองลดข้อกล่าวหา ให้เหลือแค่ขนแรงงานต่างด้าวเพียงข้อหาเดียว

ในส่วนของผู้ต้องหาทั้งหมด ประกอบด้วย คนขับรถขนแรงงานต่างด้าว 3 คัน และแรงงานต่างด้าว 19 คน ถูกคุมตัวมาสอบสวนที่ป้อมสายตรวจจุฬา โดยมีทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำและบันทึกประวัติแรงงานทั้งหมด เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร จากนั้นจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เพื่อรอผลักดันออกนอกประเทศ ซึ่งจากการสอบปากคำ พบว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมด จะเดินทางไปในหลายจังหวัด มีทั้งกรุงเทพ ชลบุรีและปริมณฑล โดยจะไปหลบซ่อนตำรวจ ตามจุดต่างๆ จากนั้นจะมีนายหน้ามารับไปทำงานอีกครั้ง

สำหรับกลุ่มผู้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว จากการสืบสวนเบื้องต้น เป็นกลุ่มของม้ง บ้านวังน้ำเย็น อำเภอวังเจ้า โดยทำเป็นกระบวนการ มีกลุ่มขนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา และมีอีกกลุ่มที่ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมและตรวจค้นของทหารและตำรวจ โดยนำมาส่งให้กับกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่บ้านวังน้ำเย็น เพื่อที่จะนำเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน


พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า ในทางคดีขณะนี้ยังอยู่ในการคัดแยกเหยื่ออยู่ ส่วนข้อหาหลักคือ ซ่อนเร้นและช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและราชอาณาจักรโดนไม่ได้รับอนุญาติ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม และขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และจะมีการแจ้งข้อหาอื่นๆเพิ่มเติม

ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกำแพงเพชร ได้เข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ในรถผู้ต้องหาทั้งสามคัน โดยเก็บตัวอย่างดินเส้นผมและหลักฐานอื่นๆ เพื่อที่นำไปประกอบสำนวนคดี

ส่วนศพของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ภวัตรัชต์พงษ์ ซึ่งส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร ครอบครัวได้เดินทางมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด หมู่ที่ 4 ตำบลคลองน้ำไหล อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยศพ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ บรรจุในโลงศพสีขาวฟ้า มีธงชาติคลุมอย่างสมเกียรติ พันตำรวจเอกกรวิทย์ อ่อนทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร นำแถวเกียรติยศทำความเคารพ และเคลื่อนศพเข้าไป ประกอบพิธีรดน้ำศพ ขณะที่นางสาววรรณชนก ภรรยาผู้เสียชีวิต ร้องไห้อย่างหนักตลอดเวลา และบอกว่ายังไม่เห็นหน้าคนที่ทำให้สามีตาย พร้อมคำถามจุกอก จะมาขอขมาศพหรือเปล่า รู้สึกผิดอะไรบ้างไหม

ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเสียใจต่อครอบครัว ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ สดุดีตำรวจกล้า ที่ทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” จนวาระสุดท้ายของชีวิต สั่งจัดพิธีให้สมเกียรติ ดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมให้ถอดบทเรียนเพิ่มประสิทธิภาพการตั้งด่านตรวจ

โดยล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปูนบำเหน็จ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ขั้นยศ จากสิบตำรวจโท เป็น ร.ต.ต. มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 1.1 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย