ดีเอสไอ 30 ต.ค. – ว่าที่อธิบดีดีเอสไอ เซ็นรับคดี “ดิไอคอน” เป็นคดีพิเศษแล้ว ยังไม่ฟันแชร์ลูกโซ่ แต่ใช้ช่อง ม.21 สอบสวนกรณีคดีต่อเนื่องเกี่ยวพันกับความผิดฟอกเงินที่รับเป็นคดีพิเศษไปก่อนแล้ว
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรณีที่ตำรวจสอบสวนกลางส่งเรื่องดิไอคอนกับพวกให้ดีเอสไอรับพิจารณา อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษ ล่าสุดตนได้ลงนามรับเป็นคดีพิเศษแล้วตามมาตรา 21 คดีที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษที่มีอยู่แล้ว คือคดีความผิดฟอกเงินที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษในการสอบสวนคดีดิไอคอนก่อนหน้านี้ โดยจะมีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญและตำรวจชุดสอบสวนที่ทำคดีมาอยู่แล้ว ร่วมทำคดีต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังเป็นความผิดฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยังไม่มีความผิดแชร์ลูกโซ่ ต้องรอความเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ถึงแผนธุรกรรมที่ชัดเจน ผลตอบแทน วงจรธุรกิจ ของบริษัทดิไอคอนก่อน จึงรับไว้สอบสวนตามกฎหมายคดีพิเศษมาตรา 21 คดีที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษ เรื่องใดเป็นความผิดหลายบทหรือต่อเนื่องเกี่ยวพันก็ใช้อำนาจรับเป็นคดีพิเศษได้ โดยคดีนี้ต่อเนื่องกับคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ หลังจากนี้จะเร่งประชุมคณะพนักงานสอบสวน และสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อขอคำตอบที่ชัดเจน
สำหรับคดีความผิดฟอกเงิน ชุดสอบสวนได้ตรวจวิเคราะห์เส้นทางการเงิน พอเห็นร่องรอยที่เป็นประโยชน์ต่อคดี หากมีใครที่เกี่ยวข้องก็จะเรียกสอบทั้งหมด รวมถึงประเด็นที่พรรคการเมืองได้เปิดเผยถึง โดยจะประชุมคณะพนักงานสอบสวนโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) คณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ ได้ประชุมและมีมติเอกฉันท์ว่าคดีดิไอคอน เข้าองค์ประกอบความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.แนบท้ายกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ และได้เสนอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเข้าเป็นคดีพิเศษด้วยช่องทางนี้ แต่ภายหลัง พ.ต.ต.ยุทธนา พร้อมคณะพนักงานสอบสวนในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับคดีการเงินนอกระบบ ได้ไปประชุมร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ที่คุมดีเอสไอ จึงได้รับคดีดิไอคอนเข้าเป็นคดีพิเศษที่ยังไม่ใช่ความผิดแชร์ลูกโซ่ ซึ่ง พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่าหากสอบสวนแล้วมีความชัดเจนจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป.-119-สำนักข่าวไทย