ก.คลัง 11 ก.ย. – รัฐมนตรีคลังยอมรับห่วงเงินบาท หลังแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค แจ้ง ธปท.ดูแล ยืนยันยังไม่กระทบจีดีพีปีนี้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ว่า กระทรวงการคลังมีความเป็นห่วงและแจ้งไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว เพราะค่าเงินบาทขณะนี้ถือว่าแข็งค่ากว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ซึ่ง ธปท.รับทราบข้อห่วงใยดังกล่าวแล้ว และกำลังมีมาตรการแก้ไข
“หากเงินบาทแข็งค่าระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งถือว่าไม่เป็นไร แต่ขณะนี้เงินบาทแข็งค่ากว่าต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของ ธปท.โดยตรงที่จะดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทให้เหมาะสม” นายอภิศักดิ์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าการที่เงินบาทแข็งค่าย่อมมีผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ยังไม่รุนแรงมากจนกระทบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศปีนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีมาตรการหลายอย่าง เพื่อช่วยไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินไป ด้วยการออกมาตรการเป็นระยะเวลา 6 เดือนให้นิติบุคคลต่างประเทศที่ออกพันธบัตร หรือหุ้นกู้ที่เป็นสกุลเงินบาท (บาทบอนด์ ) ในประเทศไทยสามารถแลกกลับเป็นเงินตราต่างประเทศ เมื่อเวลานำเงินออกนอกประเทศไทยได้ เพื่อบรรเทาไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไปและช่วยให้เกิดความสมดุลในปริมาณการไหลเข้าออกของเงินทุน
นอกจากนี้ ยังระบุถึงกรณีที่สภาองค์การลูกจ้าง สภาแรงงานแห่งประเทศไทย มีมติเสนอรัฐบาลขอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 700 บาท ว่า เป็นเรื่องของกระทรวงแรงงาน แต่ยอมรับการปรับขึ้นค่าแรงเป็นการเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งต้องศึกษาว่าภาคเอกชนรับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ เพราะการที่ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีที่จะดูแลเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ แต่ต้องดูไม่ให้กระทบจนทำให้ผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ ซึ่งจะต้องดูให้สมดุลทั้ง 2 ด้าน. – สำนักข่าวไทย