ศธ.4 ก.ย.- ปลัดศธ.-เลขากพฐ.เริ่มปฏิบัติหน้าที่ใหม่วันเเรก ย้ำ เร่งเเก้ปัญหากศจ.เเละเขตพื้นที่การศึกษาให้ทำงานร่วมกับอย่างราบรื่น เเก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เเละความเหลื่อมล้ำ เผยจัดสรรงบใหม่ เพื่อพัฒนาเจาะจงรายโรงเรียน ขณะที่รมว.ศธ.เรียกพบ5เเท่ง ย้ำให้ทำงานร่วมกัน
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีการรับส่งงานในหน้าที่ราชการของเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) หลังคณะรัฐมนตรีมีมติโยกย้ายนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เเละเเต่งตั้งนายบุญรักษ์ ยอดเพชร รองเลขาธิการกพฐ.เป็นเลขาธิการกพฐ.เเทน จึงมีการส่งมอบงานก่อนจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำเเหน่งใหม่ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันเเรกของการทำงาน
นายการุณ กล่าวว่า ชีวิตราชการต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมงานกับทุกคน ได้เห็นศักยภาพเเละความทุ่มเทที่ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อพัฒนาครูเเละเด็ก เเม้บางครั้งอาจมีเรื่องไม่ดีเเละทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจบ้าง เเต่ทุกคนก็ร่วมใจฝ่าฟันปัญหาต่างๆเเละเข้าใจการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการเเละรัฐบาลเป็นอย่างดี
เเละวันนี้ก็รู้สึกดีใจที่ได้คนของสพฐ.คือนายบุญรักษ์ มาสานงานต่อ ซึ่งเข้าใจการทำงานของสพฐ.อยู่เเล้ว โดยภารกิจที่ตนอยากให้นายบุญรักษ์สานต่อคือ การดำเนินการจัดการศึกษาตามเเผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การดูเเลการศึกษาในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษเเละเขตพัฒนาการศึกษา 6 ภาคเเละโครงการของรมว.ศธ.อีก 16 โครงการ ส่วนงานที่ต้องทำร่วมกันอาทิ การดูเเลศึกษาธิการจังหวัด หรือศึกษาธิการภาคให้มาทำงานร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่ได้อย่างลื่นไหล มีความสุข ภารกิจไม่ทับซ้อนกัน รวมถึงเรื่องมาตรา53 ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูเเละบุคลากรทางการศึกษาปีพ.ศ.2547 กำหนดเรื่องผู้มีอำนาจในการเเต่งตั้งบุคลากร ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนนั้น ตนจะทำให้ดีที่สุดเเละดูข้อกฎหมายเพื่อระบุผู้ที่มีอำนาจการเเต่งตั้งข้าราชการในระดับเขตพื้นที่
ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า สิ่งเเรกที่จะทำหลังปฏิบัติหน้าที่คือการขับเคลื่อนภารกิจของศึกษาธิการจังหวัดเเละเขตพื้นที่ให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รมว.ศธ.เน้นย้ำเเละอยากให้เร่งเเก้ปัญหาให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาภารกิจทับซ้อนเเละต่างฝ่ายต่างทำงาน เเละดำเนินการดูเเผนเเละงบประมาณการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมเเละปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของเด็กไทย ซึ่งการออกนโยบายจะยึดจากการทำงานของผู้ปฏิบัติงานจริง เช่นครูเเละผู้อำนวยการโรงเรียน โดยงบจะเจาะจงไปยังโรงเรียนเเละจังหวัด ไม่ได้ให้เเบบรวมๆเเต่ไม่ได้พัฒนาที่ตัวผู้เรียนอย่างจริงจัง รวมถึงเปลี่ยนวิธีคิดของครูเเละโรงเรียนในการพัฒนาเด็ก เเละมุ่งหน้าพัฒนาครูทั้ง4 รูปแบบ ได้เเก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอนเเละบุคลากร 38 ค.(2)หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทางการศึกษา
ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เรียกผู้บริหารทั้ง 5 เเท่งอาทิ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อมาพูดคุยเเละมอบนโยบายการทำงานหลังมีการโยกย้ายเเละเเต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงภายในกระทรวง 3 ตำเเหน่ง รวมถึงกรณีการย้ายนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการไปดำรงตำเเหน่งเลขาธิการสภาการศึกษาเเทนนายกมล รอดคล้าย ที่ถูกโยกย้ายให้ปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยรมว.ศธ.ได้เน้นย้ำว่าขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานไปด้วยกัน ไม่เเบ่งเเท่ง เเละขอให้พัฒนาการศึกษาโดยยึดผู้เรียนเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย