fbpx

ก.เกษตรฯ ประกาศสงครามกับปลาหมอคางดำ

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- กระทรวงเกษตรฯ ดีเดย์ปฏิบัติการ “กำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพฯ” พร้อมเปิดจุดรับซื้อ 75 แห่ง ใน 17 จังหวัด “อรรถกร” ประกาศทำสงครามกับปลาหมอคางดำ ชี้ใน 3 เดือนนี้ ปลาหมอคางดำต้องลดลง


นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดปฏิบัติการกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมรับฟังความเดือดร้อนจากชาวบ้าน ณ ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรประจำแขวงแสมดำ บริเวณคลองเกาะโพธิ์เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร หลังพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งและชาวประมงที่หากินในพื้นที่

นายอรรถกร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำที่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วลงสู่แหล่งน้ำเป็นวงกว้าง โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ก.ค.67 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ 2567-2570 ประกอบด้วย 7 มาตรการ ตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอเพื่อแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ โดยใช้กรอบงบประมาณ 450 ล้านบาท ประกอบด้วย


  1. ควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด โดยการจับออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยเครื่องมือประมงที่ทีประสิทธิภาพ และกำจัดจากบ่อเพาะเลี้ยงด้วนกากชา
  2. กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการปล่อยปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง และปล่อยปลาผู้ล่าตามความเหมาะสมของแหล่งน้ำ ไม่น้อยกว่า 5 ล้านตัว ในพื้นที่เป้าหมาย 16 จังหวัด
  3. การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ เช่น การแปรรูป (น้ำหมัก)
  4. สำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน
  5. สร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการกำจัด จัดทำคู่มือประชาชนและเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือการแพร่ระบาด
  6. พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านประมง ด้วยการเหนี่ยวนำโครโมโซม / ใช้ฟีโรโมน แสงสี ให้ปลาหมอคางดำรวมตัวกัน เพื่อการจับที่ง่ายขึ้น
    และ 7. ฟื้นฟูระบบนิเวศ ทำการสำรวจแหล่งน้ำต่างๆ ว่าเคยมีสัตว์น้ำประจำถิ่นอะไรบ้าง จากนั้นเพาะพันธุ์เพื่อนำไปปล่อยคืนฟื้นฟูระบบนิเวศ

วันนี้เป็นวันแรกของมาตรการกำจัดปลาหมอคางดำ ที่รัฐบาลเห็นชอบต่อหลักการฯ สิ่งที่กระทรวงเกษตรฯ สามารถทำได้เลยก็คือ การเปิดสงครามกับปลาหมอคางดำ หลังจากที่ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน 16 จังหวัดที่พบการระบาดของปลาหมอคางดำ และวันนี้ก็มีจำนวน 17 จังหวัดแล้ว รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมประมงไทย ประมงพื้นบ้าน ซึ่งรวบรวมออกมาได้เป็น 7 มาตรการ

“มาตรการเร่งด่วนก็คือ ความร่วมมือกับพื้นที่ เร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำโดยเฉพาะแหล่งน้ำธรรมชาติ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกำจัดปลาหมอปลาดำจากแหล่งน้ำบ้างแล้ว แต่เมื่อเทียบกับปริมาณการวางไข่ในทุกๆ 22 วันจึงเชื่อว่าในแหล่งน้ำธรรมชาติยังมีปลาหมอคางดำดูดอีกจำนวนมาก ซึ่งในพื้นที่บางขุนเทียนแห่งนี้ถือว่าเป็นพื้นที่แรก ที่ตนเองซึ่งได้รับมอบหมายโดยตรงจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการเป็นประธานดำเนินการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง3เดือนจากนี้ สิ่งที่จะต้องทำคือเร่งจับปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศน์ให้ได้มาที่สุด เพื่อดำเนินมาตราการอื่นๆต่อไป” นายอรรถกร กล่าว

ส่วนการหาตัวต้นตอที่ทำให้ปชาหมอคางดำหลุดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาตินั้น หากกระทรวงเกษตรฯ ทราบว่าใครคือต้นตอก็จะต้องดำเนินการ ทั้งนี้ก็ต้องบอกตามตรงว่าตนเองไม่ได้รู้จักกับใคร ไม่ได้รับเงินเดือนจากบริษัทไหน ตนเองและรับเงินเดือนผ่านสำนักเลขานายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีของประชาชน ดังนั้นเมื่อได้รับมอบหมายให้มาทำตรงนี้ก็จะไม่อิงนโยบายของใครนอกจากนโยบายของนายกรัฐมนตรี และนโยบาย ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่านั้น


นอกจากนี้ กรมประมงยังได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินในการนำปลาหมอคางดำที่จับขึ้นมาได้ไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ โดยการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) สนับสนุนงบประมาณ 50 ล้านบาท ในการรับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ที่พบการระบาด 17 จังหวัด รวม 75 จุด พร้อมยืนยันว่างบดังกล่าวของ กยท. นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนในการช่วยเหลือสมาชิกชาวสวนยาง และเป็นงบประมาณคนละก้อนกับงบ 450 ล้านบาท ที่ ครม.อนุมัติสำหรับการกำจัดปลาหมอคางดำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมภายใน ทั้งหมด 22 หน่วยงานของกระทรวง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะไม่ปล่อยให้กรมประมงเดียวดาย อีก 21 หน่วยงานหน่วยงานใดที่มีความพร้อม สามารถมาช่วยเหลือได้เราก็ยินดี ดังนั้นจึงเป็นการวางกรอบมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะใช้เงินทุนของการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 50 บาท มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นคนละก้อนกับเงินกองทุนที่ใช้ในการบริหารจัดการช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยาง ในยามที่เกิดปัญหา” นายอรรถกร กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด