รัฐสภา 10 ก.ค.- “ผบ.ทร.” ชี้ อนาคต “เรือดำน้ำ” อยู่ในมือรัฐบาล บอกทำเต็มที่แล้ว เคลียร์ชัดไม่ได้ถูกจีนหลอก หากพลาดเป็น 10 ปีสูญเปล่า ทร.ไทย อยู่ลำดับสุดท้ายอาเซียน
พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ชี้แจงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า อยากที่จะชี้แจงมานาน ยืนยันว่า ในปีที่เราเซ็นสัญญา จีนมีสิทธิ์ในการผลิตเครื่อง MTU เยอรมันขาย จึงมีการเซ็นสัญญากัน บางคนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าจีนมาหลอกเรา อยากจะเคลียร์ให้ชัดเจน เมื่อมีปัญหานี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง จีนก็พยายามเต็มที่แล้ว เพื่อหาทางออก พร้อมยืนยันว่า เครื่องยนต์จีนเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ MTU เยอรมัน แล้วยืนยันไม่มีอะไรซับซ้อนเราไม่ได้ซื้อเรือไม่มีเครื่องยนต์มันเป็นไปไม่ได้ พูดเป็นตลก วันที่เซ็นไม่มีใครผิด จีนก็ไม่รู้หรอก แต่เราก็แก้ปัญหาอย่างดีที่สุด
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่าตอนนี้เรือดำน้ำต่อมาจะครบลำอยู่แล้ว ซึ่งสถานะปัจจุบันทันทีที่นายสุทิน คลังแสง มารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้เวลา 8 เดือน เพราะกลัวว่าจะต้องเข้าคุก ก็ได้มีการตั้งกรรมการรองรับ และถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้รับคำตอบให้กองทัพเรือเดินหน้า และตอนนี้ กำลังจรดปากกาลงนามเสนอเข้า ครม. เพื่อ รออนุมัติ
พล.ร.อ.อะดุง ย้ำว่า ในนามผู้บัญชาการทหารเรือ อยากได้เรือดำน้ำที่ดีที่สุดปกป้องอธิปไตยให้ รักษาผลประโยชน์ ทหารเรือก็รู้กันทั้งโลกว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือเรือดำน้ำ ไม่ใช่อยากได้เพราะใครเขามีกัน แต่ที่เขามีกันเพราะเขาอยากได้ สิ่งที่ดีที่สุด เราก็เช่นกัน ไม่ได้อยากเพราะอะไรเลย ต้องการที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและ 10 ปีที่ผ่านมา เราทำทุกอย่างเพื่อเตรียมรองรับเรือดำน้ำลำนี้ หากไม่ได้เรือดำน้ำจะเป็น 10 ปีที่สูญเปล่าของกองทัพเรือแล้วเราจะตกอยู่อันดับสุดท้ายของอาเซียน ตนรอได้เพื่อให้ได้เรือดำน้ำ1ลำแม้จะทำให้กองทัพเรือไม่มีอะไรเลยก็ตาม เพราะเรือดำน้ำ 1 ลำ มีอำนาจต่อรองสูง ต้องใช้เรือผิวน้ำหลายลำมาต่อกร
“จีนไม่ได้หลอกเราและเราก็ไม่ได้ถูกจีนหลอกทุกวันก็พยายามแก้ปัญหาให้ดีที่สุด คือการเดินหน้าเพราะลงเงินก่อสร้างไปแล้ว 80% อยู่ดีๆก็ทิ้งหมด ไปซื้อใหม่ไม่ง่ายอย่างที่คิด และจีนก็ไม่รับปากเงินที่จ่ายไปแล้ว 7,000 กว่าล้านจะได้คืน อีกทั้งจีนไม่ได้ผิด แต่เขาได้ชดเชยเนื่องจากกองทัพเรือเสียโอกาส เป็นเงินมากมายรวมกว่า 200 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ที่ดุลพินิจของรัฐบาลจะให้กองทัพเรือเดินหน้าหรือไม่ตนก็ทำหน้าที่ดีที่สุดในฐานะกองทัพเรือ” ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าว .-319 -สำนักข่าวไทย