นครราชสีมา 28 มิ.ย.- ชาวโคราช เรียกร้องกรมศิลปากร เร่งรื้อถอนที่พักสงฆ์ปลูกทับปราสาทหินพันปี หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคำสั่งรื้อถอนชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุด ทางที่พักสงฆ์ยอมรื้อถอนแล้ว แต่กลับมีคนอ้างเป็นเจ้าของที่ดิน รอพิสูจน์กรรมสิทธิ์
จากกรณีชาวบ้านอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา รวมตัวกันทวงคืนพื้นที่ “ปราสาทหินบ้านหลุ่งตะเคียน” อายุนับพันปีคืน หลังจากที่พักสงฆ์วัดโคกปราสาทเข้ามาใช้พื้นที่โบราณสถานสร้างอาคารคร่อมทับลงไป โดยชาวบ้านร้องเรียนไปยังกรมศิลปากร จนทำให้ศิลปากรมีคำสั่งลงวันที่ 29 กันยายน 2565 ให้รื้อศาลาปฏิบัติธรรมที่ปลูกสร้างในพื้นที่โบราณสถานโดยไม่ขออนุญาต จนทางที่พักสงฆ์ฟ้องร้องไปยังศาลปกครอง และศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองคำสั่งรื้อถอนไว้ก่อน ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำร้องการขอคุ้มครองดังกล่าว เนื่องจากมีดุลยพินิจว่าการปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่คร่อมทับตัวปราสาทหิน ซึ่งเป็นโบราณสถาน อาจส่งผลทำให้เกิดผลกระทบกับโครงสร้างของโบราณสถานได้ คำสั่งของกรมศิลปากรจึงเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว
ล่าสุด ตัวแทนชาวบ้านเข้าพบกับฝ่ายกฎหมายของกรมศิลปากร เพื่อทวงถามความคืบหน้าของการรื้อถอน และพบว่า พระฉลวย อาภาธโร หัวหน้าที่พักสงฆ์โคกปราสาท ส่งหนังสือยอมรับคำสั่งรื้อถอนอาคารศาลาการเปรียญที่อยู่ด้านหน้าตัวปราสาทหินบ้านหลุ่งตะเคียนแล้ว พร้อมยินดีให้ความร่วมมือในการรื้อถอน แต่เกรงว่าถ้ารื้อถอนด้วยตนเองอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถานได้ จึงขอให้กรมศิลปากรส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบและรื้อถอนตามวิธีที่ถูกต้อง โดยที่พักสงฆ์ฯ ยินดีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและรื้อถอนทั้งหมด
แต่เนื่องจากมีผู้อ้างสิทธิการครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ตามเอกสาร ส.ค.1 และมีการรังวัดขอออกโฉนด ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลจังหวัดพิมาย ซึ่งจะทำให้การเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาจเข้าข่ายบุกรุกได้ จึงมีการประสาน ส.ป.ก.นครราชสีมา ขอเข้ารังวัดพื้นที่ เนื่องด้วยที่ดินแปลงดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. เป็นที่หวงห้ามเฉพาะโบราณสถาน ไม่สามารถจัดให้แก่บุคคลใด ซึ่งถ้าหากการรังวัดออกมาว่ามีการก่อสร้างอาคารบุกรุกที่ ส.ป.ก. จะทำหนังสือขับไล่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานได้โดยสะดวกต่อไป.-สำนักข่าวไทย