กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – ตัวแทนผู้เสียหายนักเทรดทองคำ ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องและ สน. ที่รับผิดชอบ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม หลัง CEO หมื่นล้าน อ้างสนิทนักการเมืองและตำรววจ
นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พากลุ่มผู้เสียหาย “นักเทรดทองคำ” กว่า 10 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สั่งการโอนคดีและรวมคดีหลอกเทรดทองคำ เสียหายกว่า 20 ล้านบาท เหตุกังวลว่าคดีจะไม่มีเจ้าภาพ เพราะเป็นคดีอาญา สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และคนที่โฆษณาชักชวนเป็นคนดังมีชื่อเสียง มีโปรไฟล์ดี สนิทสนมนักการเมืองและตำรวจ มีฉายาว่า CEO หมื่นล้าน ทำให้ผู้เสียหายวิตก
ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีความสนใจเรื่องเทรดหุ้นและทองคำ เพื่อหารายได้ และค้นหาความรู้จากเพจเฟซบุ๊กต่างๆ กระทั่งไปเจอโฆษณาเฟซบุ๊กของบุคคลที่มีชื่อเสียงรายนี้ อ้างว่าคร่ำหวอดในวงการเทรด Forex เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ มีตัวตนจริง มีชื่อเสียง เคยออกรายการต่างๆ และบุคคลนี้เคยไลฟ์โชว์พอร์ตการเทรดทองคำ ที่อ้างว่าลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันพอร์ตมีมูลค่าอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้เสียหายสนใจเข้าร่วมเทรดกับแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยมียอดลงทุนเริ่มต้นที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100,000 บาท และบอกว่าจะทำภารกิจเทรดเพิ่มยอดให้ได้ตามกำหนด แต่เมื่อต้องการถอนเงินออกจากพอร์ตกลับไม่สามารถถอนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามมูลค่าที่ปรากฏในพอร์ตได้ แต่ถูกบังคับให้ถอนเป็นสกุลเงินดิจิทัลของ “อาจารย์” รายนี้ ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าราคาตลาดมากกว่า 80-90% ทำให้แม้แต่ต้นทุนที่ลงทุนไปตอนแรกก็ได้กลับมาไม่ครบ ได้รับความเสียหายอย่างมาก จนหลังๆ ผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้แล้ว โดยทางแอดมินบอกว่าต้องรอดำเนินการ เพราะมีการทำธุรกรรมเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ผ่านมาแล้ว 2-3 เดือน ยังไม่สามารถถอนเงินได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้เสียหายไปแจ้งความออนไลน์ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงรวมตัวกันไปร้องตำรวจไซเบอร์ แต่กลับได้รับแจ้งว่าหากต้องการให้รวบคดี รวมผู้เสียหายไปร้องทุกข์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจสั่งรวมคดี จึงเป็นที่มาของการมาร้องทุกข์ในวันนี้ เบื้องต้น พ.ต.อ.อดิศร บุญประทีป รองผู้บังคับการกองอุทธรณ์ ในฐานะเวรอำนวยการ ได้รับเรื่องไว้ และจะเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป.-สำนักข่าวไทย