กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – กกร.ชี้สหรัฐฯ ขึ้นภาษี EV โซลาร์เซลล์ เซมิคอนดักเตอร์ ซ้ำเติมส่งออกไทยที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวตามการค้าโลก คงจีดีพี ปี 2567 โต 2.2-2.7%
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว นายผยง เผยว่า การค้าโลกและปริมาณการส่งออกชะลอตัวชัดขึ้น ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศยังฟื้นตัวได้ช้า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีรอบล่าสุดของสหรัฐฯต่อสินค้ากลุ่มรถยนต์ EV โซลาร์เซลล์ เซมิคอนดักเตอร์ เป็นต้น โดยมีกำหนดบังคับใช้ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่อการค้าโลก ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ถูกสหรัฐฯมองว่าจีนใช้เป็นฐานการผลิต
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2567 เติบโต 1.5% ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนจากการหดตัวของการส่งออกและการใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จำกัด เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวได้ช้าตามการค้าโลกที่ชะลอตัว และปัญหาเอลนีโญ (ฝนแล้ง) ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ผลผลิตการเกษตรลดลง ส่วนการใช้จ่ายของครัวเรือนได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูง โดย กกร. คงตัวเลขคาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 2.2-2.7% เช่นเดียวกับส่งออกที่คาดว่าจะโตได้ 0.5-1.5% และเงินเฟ้อคาดว่าอยู่ที่ 0.5-1.0%
นายผยง กล่าวเพิ่มเติมว่า กกร.เห็นด้วยและขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จากการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ทั้งมาตรการเพิ่มการท่องเที่ยวช่วง Low-season ที่เชื่อว่าจะช่วยกระจายรายได้ไปทั่วประเทศ รวมถึงการเสนอมาตรการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. วงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาทที่เตรียมนำเสนอ ครม.นั้น จะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังการลงทุน การจ้างงาน และการบริโภค และคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้กกร. พร้อมเข้าไปมีส่วนช่วยคัดกรองและรับรอง SMEs ที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุม กกร. ได้เสนอให้ภาครัฐมีมาตรการเพิ่มเติมในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs รวมถึงมาตรการสนับสนุนให้ SMEs เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นระยะเวลา 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัวและเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น กกร.อยู่ระหว่างหารือกับภาครัฐเกี่ยวกับแนวทางการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) และดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ตามข้อเสนอของภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกร.มีความกังวลต่อภาคการส่งออกสินค้าที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่มีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าของจีนไปยังสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องหาตลาดใหม่ทดแทนเพื่อส่งออกสินค้า ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมต่อการส่งออกสินค้าของไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ภาคการส่งออกยังมีปัจจัยกดดันจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่หมุนเวียนไม่ทันเนื่องจากระยะเวลาขนส่งที่นานขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคส่งออก และส่งเสริมสินค้าที่มีศักยภาพ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออกของประเทศ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่สหรัฐปรับภาษีนำเข้ารถ EV เพิ่มขึ้นอีก 75% จากเดิม 27.5% เป็น 102.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากและนี่เป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้นหาก โดนัล ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งก็จะปรับขึ้นเป็น 200% ส่วนแผงโซล่าเซลล์ก็จะปรับขึ้นอีกเท่าตัว ส่วนพวกเล็กทรอนิกส์นั้น เป็นการกีดกันอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง ซึ่งมองว่าเป็นการกีดกันการค้าที่ตรงไปตรงมา สินค้าของจีนไปที่สหรัฐลำบากขึ้นดังนั้นจะต้องมีการแสวงหาตลาดใหม่ สินค้าเหล่านั้นอาจต้องวนกลับมาเอเชียมากขึ้น และจะเห็นว่า บริษัทรถ EV จีนได้ย้านฐานการผลิตไปอยู่ใกล้สหรัฐอเมริกา และยุโรป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขส่งออกเมษายนจะเติบโตดีขึ้น เป็น 23,279 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จากตัวเลขประมาณการส่งออกทั้งปี 2567 ของกกร. ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 0.5-1.5% นั้น จากการคำนวนที่ตัวเลขโตต่ำสุดคือ +0.5% จะต้องส่งออกไม่ต่ำกว่า เดือนละ 23,964 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหมายความว่าส่งออกเดือนเมษายนที่ทำได้ดีนั้นก็ยังต่ำกว่าเป้า ฉะนั้นอีก 8 เดือนข้างหน้าต้องทำให้ตัวเลขส่งออกเป็นไปตามเป้าให้ได้.- 517-สำนักข่าวไทย