ทำเนียบฯ 28 พ.ค. – นายกฯ เผย ครม.เห็นชอบงบฯ 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท พร้อมผ่านร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เตรียมชงสภาผู้แทนราษฎร พร้อมสั่งดีอี-ตร. ปราบเว็บพนันออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์โครงการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จำนวน 10 โครงการของรัฐบาลที่ได้มีการแถลงไป รวมทั้งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด โดยในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ตนและคณะรัฐมนตรีจะเดินทางไปปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติฯ ที่โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์จำนวนมาก แต่ยังพบการเล่นการพนันในโซเชียลและแพลตฟอร์มต่างๆ จึงขอสั่งการให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินคดีและจับกุมเกี่ยวกับพนันออนไลน์ พร้อมสั่งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานงานในการปิดเว็บพนันออนไลน์และรายงานผลกลับมาอย่างรวดเร็ว รวมถึงให้กระทรวงการคลัง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ตรวจสอบการเปิดบัญชีของคนต่างด้าวและอายัดบัญชีธนาคารที่ทำผิดกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงต่างประเทศเสนอ เช่น การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตราและสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน และเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ destination Thailand visa ปรับปรุงสิทธิสำหรับนักเรียนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป พร้อมขยายเวลาพำนักหลังการศึกษาอีก 1 ปี และปรับปรุงเงื่อนไขการตรวจลงตราประเภทอยู่ชั่วคราวพำนักระยะยาว สำหรับกลุ่มผู้มีอายุมากที่ประสงค์จะใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย
นอกจากนี้ ครม.ได้เห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามที่คณะกรรมการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานได้เสนอ และได้ส่งต่อให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือวิปรัฐบาล เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาเด็กในประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ หรือ Thailand Zero Dropout เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา.-313.-สำนักข่าวไทย