25 พ.ค. – ตำรวจไซเบอร์บุกทลายโรงผลิตเครื่องกระสุนปืนเถื่อน ยี่ห้อดัง “ลูกตอก แม่นเป้า” ในจังหวัดสุโขทัย จำหน่ายไปทั่วโลก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, สั่งการให้ พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1, พร้อมชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ศรีสัชนาลัย ได้ร่วมกันทำการตรวจค้นโรงผลิตเครื่องกระสุนปืนเถื่อน เพื่อจำหน่ายทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถทำการยึดเครื่องและอุปกรณ์ในการผลิตเครื่องกระสุนปืน อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน จำนวนหลายหมื่นนัด
ตามที่นายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีนโยบายและข้อสั่งการ ให้ทำการกวดขัน ปราบปราม ผู้ที่มีพฤติการณ์ลักลอบผลิตและจำหน่าย อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย ทางสื่อสังคมออนไลน์ อย่างเคร่งครัด และให้ทำการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ นั้น
โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 สั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ให้ทำการสืบสวนผู้ที่มีพฤติการณ์ ลักลอบผลิตและจำหน่าย อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน โดยผิดกฎหมาย ทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อทำการกวดขันบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ต่อมา พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ทำการสืบสวน ตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา จนทราบว่ามีผู้ลักลอบเปิดโรงผลิตเครื่องกระสุนปืนเถื่อน เพื่อจำหน่ายทางสื่อสังคมออนไลน์ ไปทั่วโลก มีพฤติการณ์จำหน่ายเครื่องกระสุนปืนไปทั่วโลก ผ่านช่อง Youtube และทางสื่อสังคมออนไลน์ และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสวรรคโลก เพื่อทำการตรวจค้น ณ สถานที่ตั้งของโรงผลิต เครื่องกระสุนปืนเถื่อน เพื่อจำหน่ายทางสื่อสังคมออนไลน์ ดังกล่าว
ในวันที่ 24 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1,พ.ต.ท.อคร กล่อมกูล,พ.ต.ท.สุภารัตน์ คำอินทร์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1,พ.ต.ท.ภาสกร กันประดับ, พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม
สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1, ร.ต.อ.ฤทธิไกร ขุนท้าวเทียม รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 พร้อมพวก และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ศรีสัชนาลัย ได้ร่วมกัน ทำการตรวจค้นตามหมายค้นศาลจังหวัดสววรคโลก ณ บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่ที่ 1 ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ผลการตรวจค้นพบของกลาง เครื่องและอุปกรณ์ในการผลิตเครื่องกระสุนปืน อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจำนวนหลายหมื่นนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นจึงทำการยึดของกลางทั้งหมดที่ทำการตรวจค้นพบ ไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐาน และเพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกระสุนปืนเพื่อจำหน่าย ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย และเป็นเจ้าของโรงผลิตเครื่องกระสุนปืนเถื่อนดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอ (นามสมมุติ) และได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ศรีสัชนาลัย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ได้แจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ดังนี้
- มาตรา 72 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
- มาตรา 73 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 24 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท
- ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 กล่าวว่าเบื้องต้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดตรวจค้นในครั้งนี้ ดำเนินการสืบสวนขยายผลจากการตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้ หากปรากฏพบมีเครือข่ายขบวนการใด หรือองค์กรค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนข้ามชาติรายใด มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับโรงผลิตเครื่องกระสุนปืนเถื่อน เพื่อจำหน่ายไปทั่วโลกรายนี้ ให้เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมอย่างเฉียบขาด อย่างต่อเนื่องต่อไป.-414-สำนักข่าวไทย