ญี่ปุ่น 22 พ.ค.-นายกฯ เผยจันทร์นี้ เตรียมประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรก เร่งดัน GDP ห่วงเศรษฐกิจถดถอย บอกทำงานเหนื่อย แต่ไม่เป็นไรทำเพื่ออนาคตลูกหลาน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภารหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนยุโรป (ฝรั่งเศส-อิตาลี) ว่า ในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม นี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งจะเรียกรัฐมนตรี และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยกันในช่วงเวลาประมาณ 16:00 น. ซึ่งไม่ได้เรียกใครมาเพื่อต่อว่า แต่จะเป็นการมาพูดคุยหามาตรการ หรือไอเดียต่าง ๆ ที่จะต้องทำตั้งแต่เรื่องนโยบาย และการผันเงินผ่านกรมบัญชีกลาง เรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อมานั่งแก้ไขปัญหากัน เพราะตัวเลข GDP ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงตัวเลขออกมา ในไตรมาส 1/67 ขยายตัวเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดในอาเซียน
เมื่อถามว่าอะไรไตรมาสที่ 4 ที่ตั้งใจไว้ว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะถึงมือประชาชน คาดว่า GDP จะโตขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงมีส่วนแต่จะคอยไกลขนาดนั้นไม่ได้ ต้องเริ่มทำงานก่อน อย่างที่ตนบอกว่า GDP 1.5% ถ้าไม่มีภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเข้ามาช่วย เราก็จะตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical recession) อันนี้น่าเป็นห่วง และยังมีอีกหลายเรื่องทั้งบัตรเครดิต หนี้เสีย และหนี้ครัวเรือน
ส่วนจะมีโครงการระยะสั้นออกมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้เป็นที่มาของการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งต้องมานั่งคุยกัน และตนได้บอกทุกคนไปว่าเวลามาให้มีข้อมูล และมาด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมกับไอเดีย ไม่ได้ให้มาเพื่อที่จะสั่งว่าต้องทำอะไร แต่การประชุมครั้งนี้คงยังไม่มีโครงการอะไรออกมาเซอร์ไพรส์แน่นอน แต่ต่อไปจะมีประชุมทุกสัปดาห์ อีกทั้งยังมีการประชุมวงเล็ก ซึ่งตนอยากฟังความคิดเห็นของทุกคน จะมีทั้งภาคการค้าระหว่างประเทศ, ภาคการเกษตร, ภาคกฎหมาย, ภาคการเกษตร และภาคนโยบาย ซึ่งต้องฟังทุกคน และคงจะมีข้อสรุปออกมา
เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่ต้องแบกความหวังคนไทยทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวทันทีว่า “ไม่ ไม่เหนื่อยครับ เต็มที่ครับ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศครั้งนี้ทั้งในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม และวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม ตนจะลงพื้นที่ ติดตามโครงการต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมยอมรับว่าการทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนก็เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นการทำเพื่ออนาคตของลูกหลานรุ่นต่อๆ ไป.-316.-สำนักข่าวไทย