ปราจีนบุรี 14 พ.ค. – รรท.ผบ.ตร. แถลงรวบทีมฆ่า “ดาบโก้-ภรรยาท้อง” ยกแก๊ง 4 คน พบกลุ่มผู้ต้องหาเป็นขบวนการลักลอบซื้อ-ขายเอทานอลผิดกฎหมาย สั่งเร่งขยายผลปราบปรามทั่วประเทศ
ความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงถล่ม ด.ต.สกล บรรลุ หรือ “ดาบโก้” ผบ.หมู่งานสืบสวนภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ อายุ 43 ปี และภรรยาสาวชาวลาว อายุ 25 ปี ที่กำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน เสียชีวิตภายในรถกระบะ ก่อนนำรถไปจอดทิ้งไว้บริเวณบ่อน้ำในไร่มันสำปะหลัง พื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) ตำรวจติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายได้ครบทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายชัยวิชิต มือยิง, น.ส.ธัญญา ภรรยาของนายชัยวิชิต, นายพิชิตพงศ์ ลูกชาย และนายธรรมรัตน์ ลูกจ้าง พร้อมยึดของกลางหลายรายการที่บ้านพักของผู้ต้องหา อาทิ อาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก, ปืนยาวอัดลม, ปืนยาวขนาด .22, ปืนพกขนาด .357, ปืนพกขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวน 217 นัด, ระเบิดมือชนิด M67 จำนวน 1 ลูก
วันนี้ (14 พ.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปที่ สภ.ระเบาะไผ่ แถลงผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหาด้วยตนเอง ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ ดาบโก้พบกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ลักลอบซื้อขายเอทานอลผิดกฎหมายให้กับกลุ่มรถสิบล้อบรรทุกเอทานอล ซึ่งเป็นเหตุซึ่งหน้า จึงเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มคนร้ายขัดขวาง จากนั้นนายชัยวิชิตได้ใช้อาวุธปืนยิงดาบโก้ 5-6 นัด จนเสียชีวิต ขณะที่ภรรยาของด้าบโก้ได้ส่งพิกัดจีพีเอสและข้อความขอความช่วยเหลือส่งให้เพื่อนตำรวจที่ป้อมยามที่พักสายตรวจกรอกสมบูรณ์ แต่ไม่ทันการณ์
นายชัยวิชิตยังใช้อาวุธปืนยิงภรรยาของดาบโก้จนเสียชีวิต ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะนำศพดาบโก้และภรรยา พร้อมรถ ไปจอดทิ้งไว้ในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร
จากนั้นทำลายหลักฐาน อาทิ นำโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตไปทิ้ง นำปืนที่ก่อเหตุไปฝัง หลบหนีไป จ.นครนายก ก่อนจะถูกตามจับกุมได้ทั้งหมด
“บิ๊กต่าย” สั่งขยายผลจับกุมแก๊งค้าน้ำมันเถื่อนทั่วประเทศ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำเอทานอลมาจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ขยายผลนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกำชับตรวจสอบ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเชื้อเพลิงทั่วประเทศอย่างเข้มงวดต่อไป.-สำนักข่าวไทย