นครราชสีมา 16 มี.ค. – “รมว. ธรรมนัส” สั่งที่ปรึกษากฎหมายนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ส.ป.ก. ติดแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบนายทุนบุกรุกครอบครอง ทำโรงแรม รีสอร์ต และบ้านจัดสรร 29 แปลง เตรียมแจ้งผู้ครอบครองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเพิกถอนสิทธิ หากไม่ยอมออกจากพื้นที่ จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงิน ชี้จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทั่วประเทศพบการใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินไม่ถูกต้องกว่า 2 ล้านไร่
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับมอบหมายจากร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับนายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นำคณะเจ้าหน้าที่ส.ป.ก. เข้าตรวจสอบพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาที่อยู่ติดแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และคาบเกี่ยวกับพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองซึ่งพบว่า นายทุนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินผิดวัตถุประสงค์และไม่เป็นไปตามระเบียบ โดยก่อสร้างเป็นโรงแรม รีสอร์ต และบ้านจัดสรรชื่อดัง
ทั้งนี้มีหลักฐานชัดเจนว่า นายทุนครอบครองพื้นที่ส.ป.ก. บริเวณดังกล่าว รวม 29 แปลงซึ่งการดำเนินการตามกฎหมาย จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยจะแจ้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเพิกถอนสิทธิในเอกสารส.ป.ก. 4-01 แต่หากผู้ประกอบการไม่ยอมรื้อถอนและออกจากที่ดินไป จะแจ้งความดำเนินคดีตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (15) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า
นายธนดลกล่าวว่า การตรวจสอบการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเป็นพื้นที่นำร่อง จากนั้นจะขยายผลตรวจสอบการกระทำความผิดทั่วประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้ตรวจสอบผู้ที่ได้รับเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ทั่วประเทศว่า เป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ หากไม่ใช่ จะต้องเพิกถอนสิทธิและรื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด คาดว่า การครอบครองที่ดินส.ป.ก. ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบและวัตถุประสงค์ทั้งหมดมีมากกว่า 2 ล้านไร่
สำหรับผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดินปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 ระบุว่า ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดินส.ป.ก. มี 3 ประเภทคือ
1. เกษตรกรซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักอยู่แล้ว โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในรอบปี เพื่อประกอบเกษตรกรรมในท้องถิ่นนั้น
2. ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรเป็นหลัก ผู้ยากจน มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จบการศึกษาทางเกษตรกรรมไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
3. สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร ชุมชนสหกรณ์การเกษตรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ที่ผ่านตามเงื่อนไข
นอกเหนือจากนี้ ถือว่า ผิดวัตถุประสงค์และระเบียบเงื่อนไข ไม่สามารถถือครองและเข้าไปทำประโยชน์พื้นที่ส.ป.ก. ได้.- 512 -สำนักข่าวไทย