9 มี.ค. – ผู้ช่วย ผอ.รมน. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน พร้อมเร่งบูรณาการสกัดกั้นยางพาราเถื่อนเข้าประเทศ ในพื้นที่ภาคเหนือ เน้นย้ำให้ทุกหน่วยปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง รวดเร็ว ทันท่วงที
ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในห้วงปัจจุบันเข้าสู่ฤดูที่จะมีระดับความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงปัญหายาเสพติด และการนำยางพาราจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านแดนบริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยังประเทศที่สาม ซอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
จึงได้สั่งการ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน. เร่งบูรณาการหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยอาศัยกลไกของ กอ.รมน. ในการขับเคลื่อนและร่วมกันแก้ไขปัญหา
รอง ผอ.รมน. จึงมอบหมายเป็นการเร่งด่วนให้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วย ผอ.รมน. ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ เร่งรัดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นการด่วน ตามนโบายของนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. ใน 3 พื้นที่สำคัญได้แก่ จ.ตาก เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน
โดยในช่วงเช้าคณะฯ ได้เดินทางลงพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำยางพาราเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปแนวทางการนำผ่านสินค้ายางพาราไปยังประเทศที่สาม จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในห้วงที่ผ่านมา
มีรายละเอียดที่สำคัญคือ พบข้อมูลมีการขอขนย้ายนำผ่านสินค้ายางพาราไปประเทศที่สาม มีจำนวนมากกว่าปกติในช่วงเดือน ก.พ. 67 ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.ตาก จึงมีหนังสือขอให้ด่านศุลกากรแม่สอด ระงับการนำผ่าน (Transit) สินค้ายางพารา ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา
ผู้ช่วย ผอ.รมน. กล่าวชื่นชมให้กำลังใจในการทำงานของหน่วยราชการในพื้นที่ที่มีการประสานสอดคล้องการทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แน่นแฟ้น เพื่อร่วมรักษาผลประโยชน์ของชาติและพี่น้องประชาชน
จากนั้นคณะฯ ได้เดินทางต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยมีการประชุมและรับฟังการบรรยายสรุปปัญหาแนวทางป้องกันการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ของ กอ.รมน.ภาค 3 และส่วนราชการที่เกี่ยงข้อง ณ ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 โดยในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 2 ใช้การประชุมร่วมผ่านระบบ VTC
มีรายละเอียดที่สำคัญคือ ที่ประชุมได้มีการรายงานจุดความร้อน (Hot Spot) ที่พบในภาพรวมของ 17 จังหวัดภาคเหนือ ปัจจุบันยังอยู่ในปริมาณที่สูงในบางจังหวัด แต่เมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนจุดความร้อน สามารถลดระดับลงมาได้มากถึง 40-50% โดยยังพบพื้นที่ที่ประสบปัญหาไฟป่าส่วนใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 84% ส่วนพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่ทางการเกษตร และพื้นที่อื่นๆ รวมกันยังคงมีสัดส่วนที่ไม่มาก ด้วยอาศัยมาตราการการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ผ่านมา
ในช่วงท้ายการประชุม ผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้ให้แนวทางเพิ่มเติมว่าปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยที่อาจสามารถควบคุมได้ และอาจควบคุมไม่ได้จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน หน่วยราชการจึงต้องอาศัยประสานบูรณาการความร่วมมือกัน สำหรับ กอ.รมน.ภาค 2 สามารถอาศัยแนวทางของ กอ.รมน.ภาค 3 และสามารถจำลองสถานการณ์ (War game) เพื่อให้ทราบแนวทางการบริหาร การใช้บุคลากร เครื่องมือ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากเผชิญปัญหาจะสามารถตอบสนองการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที
พร้อมกันนี้ ผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานยึดมั่นในเป้าหมายดัชนี KPI ของจำนวนจุดความร้อน จำนวนพื้นที่เผาไหม้ จำนวนวันที่พบค่า PM 2.5 เกินมาตราฐาน และจำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ มีระดับลดลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 66 ที่ผ่านมา
ในช่วงบ่ายได้เดินทางต่อไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้มีการประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุปกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ได้ทราบถึงการเตรียมความพร้อมแผนการรองรับสถานการณ์จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติของจังหวัดในห้วงที่ผ่านมา แต่เนื่องจากการคาดการณ์สถานการณ์ในเดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. 67 ที่จะถึงนี้อาจมีระดับความรุนแรงมากขึ้น ผู้ช่วย ผอ.รมน. ขอให้ทางจังหวัดได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดและใกล้ชิด หากมีความจำเป็นสามารถจัดทำแผนเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์ในห้วง 2 เดือนนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาของห้วงเวลาดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากที่สุด
โดยก่อนปิดการประชุมผู้ช่วย ผอ.รมน. ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันทำงานและร่วมกันแก้ปัญหาในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน.
หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังหน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อพบปะและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายของรัฐบาล
ในโอกาสนี้ ผู้ช่วย ผอ.รมน. ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดและสกัดกั้นยาเสพติด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ด้วยการจัดกำลังลาดตระเวนเฝ้าตรวจอย่างเข้มงวด ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังลาดตระเวนในพื้นที่บ้านปายสองแง่ ดอยหัวแหวน ดอยผักกูด อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยจึงได้ตรวจสอบในขั้นต้นพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 คือ ยาบ้า 7,000,000 เม็ด และยาไอซ์ 100 กก. เป็นมูลค่า 700 ล้านบาท โดยมีการลักลอบขนย้ายมาตามเส้นทางธรรมชาติ บริเวณพื้นที่รอยต่อ จ.แม่ฮ่องสอน กับ จ.เชียงใหม่ โดยยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ กองกำลังนเรศวร/ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองกำลังนเรศวรจะส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปาย เพื่อทำการพิสูจน์และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ กอ.รมน. จะเร่งบูรณาการและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหามลพิษไฟป่า หมอกควัน ปัญหายาเสพติด การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนความมั่นคงตามแนวชายแดน และภัยความมั่นคงในมิติอื่นๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และเพื่อความมั่นคงของประเทศต่อไป.-311-สำนักข่าวไทย