รัฐสภา 7 มี.ค.-“ร.อ.ธรรมนัส” แจงปม ส.ป.ก.ทับซ้อนอุทยานฯ ชี้ไม่ใช่แค่ปากช่อง แต่มีทั่วประเทศ สบถเดือด “คนจัญไรมีเยอะ” ลั่นขรก.ชั่วต้องถูกลงโทษ เตรียมให้ปปง.สอบเส้นทางการเงิน
วรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มเทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดโดยนายอภิชาติ ศิริสุนทร สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.ทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนกลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งระหว่าง 2 หน่วยงานเกี่ยวกับแนวเขตที่ยังไม่ชัดเจน โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้อ้างพระราชกฤษฎีกาอุทยานเขาใหญ่ พ.ศ 2505 ขณะที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน อ้างติดตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2534
นายอภิชาติ ถามว่า สถานะของรายงายที่กรมแผนที่ทหาร ที่รายงานไปยังนายกรัฐมนตรี ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีการทับซ้อนและอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น สามารถนำมาตัดสินความขัดแย้งหรือข้อพิพาทแนวเขตได้หรือไม่ นำมาใช้แทนแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงความเห็นของกรมอธิษฐานเท่านั้น
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ความจริงแล้วตนอยากจะขอเลื่อนการมาชี้แจงในวันนี้ เพราะอยากได้รับรายงานที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายก่อน แต่เนื่องจากเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจจึงตัดสินใจมาตอบ สำหรับพื้นที่พิพาทนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเพียงจุดเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐในแต่ละกระทรวงต่างอ้างแผนที่ของตัวเอง โดยกระทรวงทรัพย์ได้อ้างพระราชกฤษฎีกา ปี 2505 ในขณะที่ส.ป.ก.ก็มีพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม พ.ศ 2518 ซึ่งการจัดสรรที่ดินเพื่อให้ประชาชนใช้ทำกิน ก็ไม่ได้คิดจะเอามาจากก็ทำเลยแต่มีขั้นตอนและมีกฎหมายรองรับ
“ทั้ง 2 หน่วยงานไม่มีใครผิด แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เรายังไม่เกิด จนกระทั่งในปี 2538 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้น ได้ออกถนนแนวเขตกันไฟหรือบัฟเฟอร์โซน เพื่อเป็นถนนลาดตระเวน แต่ลืมออกกฎหมายเพื่อประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงทิ้งให้เราต้องมานั่งเถียงกันตอนนี้ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ผมจึงไม่ขอท้าวความว่าใครถูกผิด เราต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน อย่าลืมว่าเรา ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะผมก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา ซึ่งศาลากลางยังอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ขนาดหน่วยราชการยังเถื่อน อาศัยอยู่ในที่ดินเถื่อนอยู่เลย จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูป ในรัฐบาลที่แล้ว ตั้งแต่ปี 2566 จนน่าจะต้องอนุกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา one Land one Law เพื่อใช้กฎหมายฉบับเดียวกันคือรัฐธรรมนูญ 2560 และมีแผนที่ฉบับเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ต่างคนต่างถือแผนที่ของตัวเองไม่ใช่นั้นเมื่อไหร่ปัญหาจะจบ มาปล่อยให้เรานั่งเถียงกันในสภาฯ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ชี้แจง เกิดเสียงสัญญาณเตือนไฟดังขึ้น ร.อ.ธรรมนัสจึงกล่าวว่า “สงสัยไฟผมจะแรง” ก่อนชี้แจงต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมแผนที่ทหารมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาจนนำไปสู่การแถลงเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ปัญหาก็ไม่จบ ต่างฝ่ายต่างยืนยัน ดังนั้น จึงต้องเข้าสู่One Land One Law เป็นที่มาของการสั่งการให้หน่วยงานกลางอย่างกระทรวงกลาโหมจัดทำแผนที่กลาง หรือ One map
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า รายงานฉบับที่กรมแผนที่ทหารรายงานไปยังนายกรัฐมนตรียังไม่ถือว่าจบขั้นตอน และยังไม่มีผลบังคับใช้ เพราะเมื่อเรื่องยังไม่จบจึงส่งกลับไปให้คณะอนุกรรมการ One Map ดำเนินการใหม่ ซึ่งทั้ง กรมอุทยานและสปก.ก็ได้ทำข้อตกลงที่จะรอความชัดเจนจาก One Map ก่อน ในระหว่างนี้ ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว และตนได้สั่งการให้ถอนเอกสารส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่พิพาททั้ง 5 ฉบับ พร้อมสั่งห้ามเข้าพื้นที่ และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวและย้ายเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับมายังส่วนกลาง ทั้ง 6 นาย เพราะตนได้ข้อมูลว่า อาจมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ
“ผมได้ส่งที่ปรึกษาของผมไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพราะมั่นใจว่าหน่วยงานที่มีความเป็นธรรมตรงฉิน ผมไม่มั่นใจคนของผมที่เป็นคณะกรรมการ เพื่อให้ดำเนินคดีสาวถึงใคร ไม่มีจบแบบหล่อ ใครผิดว่าตามผิด นอกจากผิดวินัยร้ายแรงแล้วจะต้องดำเนินคดี ที่สำคัญ วันพรุ่งนี้จะให้เลขาสปก.ทำหนังสือถึงเลขาฯ ปปง. เพื่อยึดทรัพย์สินคืนสู่แผ่นดินให้หมด ส่วนพื้นที่พิพาทนี้จะต้องรักษาไว้ให้เป็นป่า แต่จะเป็นป่าประเภทไหนขึ้นอยู่กับทั้งสองหน่วยงานจะตกลงกัน ดังนั้นหน้าที่ของปลัดทั้ง 2 กระทรวงคือไปสั่งลูกน้องของคุณให้หยุดพูดกันได้แล้ว” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
จากนั้นนายอภิชาติ ได้ลุกขึ้นถามคำถามที่ 2 ว่า เคยได้รับรายงานจาก ส.ป.ก.เรื่องที่กรมอุทยานฯ สวยคัดค้านการปักหมุดส.ป.ก. ถึง 2 ครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมปี 2566 และ สคทช. เคยทำหนังสือสอบถามถึงเรื่องเดียวกันถึง 2 ครั้ง หรือไม่ และ หากเคยได้รับรายงานได้มีการสั่งการอย่างไรหรือไม่ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้อนไปถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ตอนนั้นเริ่มมีการปักหมุด จนมาถึงกระบวนการออกเอกสิทธิ์ ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งส่อพิรุธ ว่า มิชอบ ซึ่งตนไม่ได้รับรายงาน
“หลังจากนั้นพบว่า ส่อพิรุธ จึงต้องดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการ นำไปสู่การย้ายเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก โคราช ทั้งหมด 6 คน และให้ดำเนินคดีทางวินัยและอาญา ยืนยัน ไม่ได้นิ่งเฉย และสั่งให้หยุดดำเนินการทั้งหมด และหลังจากที่เป็นประเด็น ผมอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ รีบบินมาเข้าพื้นที่ทันที เพราะเข้าใจว่ากำลังทะเลาะกันแรง จึงรีบมา ไม่มีเจตนาจะรังแกเพื่อนข้าราชการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะทั้ง 2 กระทรวงมาจากพรรคเดียวกัน และยืนยัน ว่าทั้งสองกระทรวง ไม่มีข้อพิพาทกันตามที่เป็นข่าว ดังนั้น การแก้ปัญหา เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่รายงานก็ถือว่าผิด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
นายอภิชาติ ถามคำถามที่ 3 ว่า เห็นด้วยกับหลักการในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชนแต่กรณีที่เกิดปัญหาส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ดังนั้น มีแนวทางจะป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตและสร้างความน่าเชื่อถือกลับมาได้อย่างไร และได้รับรายงานหรือไม่ว่ายังมีอีกกี่พื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท เช่นกรณีที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่ร.อธรรมนัส เหลือเวลาตอบแค่ 37 วินาที ทำให้ประธานที่ประชุมจึงเพิ่มให้เป็น 1 นาที ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าตนตั้งใจมาตอบเรื่องนี้ เวลาแค่ 1 นาที ไม่สามารถตอบได้หมดนายอภิชาติ จึงบอกว่า เวลาของตนเหลือเยอะ จึงขอยกเวลานี้ให้กับร.อ.ธรรมนัส ตอบ
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงยอมรับว่าที่ดินที่ทับซ้อนพื้นที่ ส.ป.ก. มีอีกเยอะมาก ซึ่งพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม P Move ประชาชน 4 ภาค และสมัชชาคนจน ที่ถูกดำเนินคดีกว่าหมื่นคดี ก็เป็นเรื่องที่ดินทำกิน วันนี้เรามาช่วยกันแก้ปัญหา ตนได้รับรายงานช้า เป็นความบกพร่องของตนเองหรือไม่ ตนกำกับดูแลสำนักงานที่ดินเนื้อที่ 40 กว่าล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.72 จังหวัด เหมือนมี 72 โรงพัก โรงพักไหนที่นำลูกน้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบก็จะต้องถูกลงโทษ ไม่รายงานตนก็จะถูกลงโทษ เปรียบเสมือนนิ้ว 10 นิ้ว นิ้วไหนเน่าก็ต้องตัดทิ้ง แต่ไม่เหมารวมว่านโยบายปฎิรูปที่ดินจะล้มเหลว
“ต้องไปถามเกษตรกรพอใจกับนโยบายเปลี่ยนที่ดินส.ป.ก.เป็นโฉนดหรือไม่ ไปถามเลยล้านคนปฏิเสธกี่คน จะได้รู้ข้อมูล เมื่อทราบว่ามีที่ดินทับซ้อนจะต้องทำอย่างไร ก็ต้องกลับไปสู่คำถามแรกคือต้องใช้ One Map แล้ววันนี้ผมได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษโดยมีรองหัวหน้า ส.ป.ก.เป็นหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ ส่องดูพื้นที่ทั้งหมดที่กำลังแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด จำนวนทั้ง 1.7 ล้านครอบครัว ของพี่น้องเกษตรกรที่มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน และถือครองเกิน 5 ปี จะเข้าไปชำแหละทั้งหมดเลยว่าใช่เกษตรกรตัวจริงหรือไม่ เลขา ส.ป.ก.ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องเกษตรกร” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 52 ล้านชีวิต หวังพึ่งพากระทรวงเกษตร แต่กระทรวงเกษตรอย่าคิดว่าตัวเองแน่ ขอให้ฟังเสียงพี่น้องประชาชนด้วย ยุคตนไม่มี ให้ตรวจสอบได้เลย กรรมาธิการอยากไปดูงานที่กระทรวงก็เชิญได้เลย แต่ที่เมื่อวานไม่ได้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการที่ดินไม่ใช่ว่าเลี่ยง เพราะต้องการมาตอบเองวันนี้ ไม่ต้องการไปเถียงในห้อง อยากมาตอบในสภาฯ ให้พี่น้องทั้งแผ่นดินได้เห็น สิ่งที่กำลังแก้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะที่เขาใหญ่ที่เดียว แต่เกิดกับทุกที่ ที่จะมีการปฏิรูปที่ดินหรือเป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้น ต้องมาทบทวนถอดบทเรียนเขาใหญ่ ซึ่งตนสั่งการเป็นนโยบายชัดเจนว่าต่อไปนี้พื้นที่ทับซ้อน ระหว่างอุทยานกับ ส.ป.ก.ห้ามจัดให้ประชาชนเด็ดขาด ตัดปัญหาเรื่องช้างกับคน เรื่องใหญ่ยังแก้ไม่ได้เลย แล้วงไปจัดที่ดินให้เกษตรทำกินติดเขาใหญ่
“จิตสำนึกมีหรือไม่ มันไม่ควรทำ ชาวบ้านปลูกอะไร ช้างก็มาทำลาย ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถคุมชาวบ้านได้ อาจจะบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งจิตสำนึกไม่ควรจัดที่ดังกล่าว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องในครอบครัวผม ผมต้องจัดการ ต้องลงโทษคนพวกนี้ คนจัญไรมันมีเยอะครับท่านประธาน ข้าราชการที่ชั่ว ๆ แบบนี้ต้องถูกลงโทษ ในยุคผมไม่มี ผมยืนยันท่านประธานครับ อนุญาตใช้คำพูดคุณชัยวัฒน์ว่า ไม่มีหรอกครับจบแบบหล่อ ๆ ไม่เขาก็เราต้องผิด เพื่อเอาผิดและลงโทษทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับพี่น้องข้าราชการต่อไป ที่สูงสุดและหนักกว่านั้นคือผมเอาป.ป.ง. มาตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด เตรียมตัวไว้เลยว่าสิ่งที่คุณสร้างมาตลอดชีวิต คุณจะเหลือศูนย์จะติดลบหรือติดคุก ผมไม่เว้นหรอกครับ และไม่สนใจหน้าอินหน้าพรหม หรือคุณจะเป็นเจ้าสัวหรืออะไร ผมจะเอาคืนเพราะมันเป็นที่ดินของรัฐ ของหลวง ควรจะมอบให้กับคนที่เป็นเจ้าของประเทศ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย