อุทยานฯ แหลมสน 22 ม.ค.- นายกฯ ตรวจพื้นที่ทำโครงการแลนด์บริดจ์ จ.ระนอง ยืนยันฟังความเห็นทั้งคนใน-นอกพื้นที่ทุกมิติ ขออย่าเพิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ยก 20 ปีก่อน คนค้านรัฐบาลทักษิณทำสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ทำประโยชน์มหาศาล รับปากไม่ต้องห่วง รัฐบาลจริงใจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อติดตามโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับรายงานว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่มาลงพื้นที่บริเวณดังกล่าว และรับฟังการนำเสนอข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม ว่า ภาพรวมจะถมทะเลออกไปเท่าไหร่ รวมถึงช่องน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจากที่รับฟังรายงาน คาดว่าจะตั้งตอม่อออกไป และชัดเจนว่าประชาชนสามารถประกอบอาชีพประมงได้ ได้เห็นศักยภาพของโครงการดังกล่าว
ส่วนต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการทำโครงการใหญ่ๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รัฐบาลต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ ซึ่งวันนี้มีคนมายื่นหนังสือด้วย รัฐบาลรับฟังข้อห่วงใยเรื่องผลกระทบ
เมื่อถามว่า รัฐบาลยังขาดการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งเริ่ม ขออย่าเพิ่งทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต ขอให้รอฟังความคิดเห็นประชาชนก่อน เพราะหากจำได้ 20 ปีที่ผ่านมา เรามีโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ระดับชาติ คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่หนองงูเห่า ซึ่งตอนนั้นถกเถียงกันนานมากว่าจะสร้างสนามบินแห่งที่ 2 รองจากดอนเมือง และรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินหน้าลุยเต็มตัว จนทำเป็นสนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาได้ สมัยนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
“20-30 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีเมกะโปรเจกต์ใหญ่เลย ดังนั้น ขอให้ดูว่าประโยชน์ที่ได้รับจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 20 ปีที่แล้วมาจนถึงวันนี้ มีประโยชน์มหาศาล ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้น หากไม่มีโครงการเหล่านี้ขึ้นมา เราจะไม่มาถึงจุดนี้ พร้อมระบุว่า เป็นธรรมดาที่นานๆ จะมีเมกะโปรเจกต์สักครั้ง รัฐบาลพร้อมฟังเสียงประชาชนทุกคน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน โดยจะร่นระยะทางการขนถ่ายสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งขณะนี้เริ่มหนาแน่นและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น การขนถ่ายสินค้าจากมุมหนึ่งของโลกไปอีกด้าน จึงมีความอึดอัดพอสมควร เพราะฉะนั้น การที่เราจะสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ที่เชื่อมระหว่างสองฝั่งแล้วส่งต่อไปทั่วโลก ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะนำความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ
“การขนถ่ายสินค้า การเป็นแรงจูงใจให้บริษัทข้ามชาติหลายบริษัทมาสร้างแหล่งผลิต ส่งออก ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ เครื่องจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และถ้าดูรายละเอียดเรื่องการขนย้ายสินค้าไปทั่วโลก 60% ผ่านช่องแคบมะละกา นี่ถือเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ที่ต้องผลักดันให้ประเทศลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนจะต้องศึกษาก่อนผลักดันให้ดำเนินโครงการหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องศึกษาก่อน ขั้นตอนต่อไปรัฐบาลจะดูแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราสนับสนุนตรงนี้ควบคู่กับความเจริญทางเศรษฐกิจ ต้องศึกษาควบคู่ไปกับการดำเนินการ ฟังความคิดเห็นประชาชน เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยมาศึกษา ส่วนจะช้าจะเร็วอยู่ที่เสียงเรียกร้องด้วยว่าต้องทำมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่าต้องทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจ
“ผมไม่กังวลเรื่องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอาชีพของประชาชนในโครงการดังกล่าว เพราะผมมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า โครงการนี้ไม่ใช่พื้นที่สำหรับคนขายสินค้าอย่างเดียว เรือสำราญก็เข้ามาเทียบจอดได้ ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลายด้วย ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค อาทิ สนามบินอันดามันที่อยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ตที่จะเป็นสนามบินขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็นการทำงานควบคู่กันไป รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวภาคใต้ ส่วนเรื่องความมั่นคง ยืนยันว่าเราดูแลครบทุกมิติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมารับหนังสือจากตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ที่มาเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงของคนในพื้นที่ รวมถึงชะลอโครงการดังกล่าวก่อน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องห่วง ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ต้องให้โอกาสกับคนในพื้นที่ด้วยเหมือนกัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนทุกคน
ตัวแทนกลุ่มดังกล่าวได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จริงใจรับฟังเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า เราจะรับฟังทั้งสองทาง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาพื้นที่ระนองบ่อย ไม่ต้องห่วง มีความจริงใจอยู่แล้ว.-313.-สำนักข่าวไทย