ทำเนียบฯ 19 ม.ค.- “สมศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมหามาตรการป้องกันโรงงานพลุระเบิด ให้ 5 กระทรวงปรับแก้ประกาศให้ครอบคลุม กันเหตุซ้ำ ขีดเส้น 7-10 วัน ส่งนายกฯ เคาะ พร้อมเร่งตรวจดีเอ็นดี ออกใบมรณบัตรเพื่อเยียวยา
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายปกครองท้องที่ ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมแนวทางการบริหารจัดการการอนุญาตให้ทำและค้าดอกไม้เพลิง การเยียวยา และแนวทางการแก้ไขในอนาคต โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้แนวทางและข้อห่วงใย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเติม ทั้งเรื่องพลุและสถานที่เก็บวัตถุอันตราย ซึ่งมีหลายหน่วยงานร่วมประชุม โดยมีข้อสรุปการแก้ปัญหาที่จะบูรณาการทำงานไม่ให้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก
“เรื่องการเยียวยา หากยังไม่ได้ใบมรณบัตรครบถ้วนจะยังไม่สามารถเยียวยาได้ครบทุกคน แต่คาดการณ์ว่าการออกใบมรณบัตรจะออกได้ครบภายในวันนี้ ส่วนการให้คำปรึกษาเรื่องผู้จัดการมรดก เพราะเงินหรือทรัพย์สินที่จะได้จากหน่วยงานต่าง ๆ แต่ละรายจะได้ไม่เท่ากัน หากบางคนมีบุตรยังเรียนหนังสืออยู่ อายุไม่เกิน 25 ปี อาจจะได้อีก 5 หมื่นบาท หรือบางคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว อาจจะได้เพิ่มประมาณ 3 หมื่นบาท และส่วนที่มีความล่าช้าอยู่อีกส่วน คือ การตรวจดีเอ็นเอ เพราะสภาพร่างบางรายไม่ชัดเจน จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งเราอยากให้เร็ว แต่ยังติดเรื่องการรอตรวจดีเอ็นเอ เพราะนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการชดเชย จึงเร่งรัดมา” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการบูรณาการกฎหมายว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไร เพราะระยะหลังเหตุโรงงานพลุระเบิดเกิดขึ้นทุกปี จากการตรวจสอบพบว่า หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องมี 5 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ประกาศที่ออกมาเป็นประกาศรวม ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรปรับประกาศของทั้ง 5 กระทรวงหลัก นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปดูประกาศและจัดทำร่างกฎหมายเพื่อให้ส่วนรวมพิจารณาอีกครั้ง ว่าโรงงานประเภทที่มีกำลังน้อยกว่า 50 แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 50 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายการควบคุมของกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปปรับร่างกฎหมายว่าจะควบคุมอย่างไรให้สอดคล้องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้เวลา 7-10 วัน ให้ส่งกลับมาที่ตน เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา
เมื่อถามว่า จะหารือกับกระทรวงแรงงาน พิจารณาเรื่องการทำประกันชีวิตให้คนงานในโรงงานพลุหรือไม่ เนื่องจากมีความเสี่ยง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยคุยแล้ว แต่จะฝากผู้เกี่ยวข้องไปดูว่าจะขัดกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่อย่างไร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมวันนี้ แต่ฝากเรื่องไปแล้ว
ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกี่ยวกับ โรงงาน โรงประกอบการ สถานที่จำหน่าย และสถานที่เก็บ ว่าต้องมีลักษณะอย่างไร รวมถึงกำกับดูแลให้เป็นไปตามประกาศตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งรองนายกฯ มีดำริให้ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 5 กระทรวงจะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมวันนี้ ส่วนการปรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2535 ปัจจุบันจะครอบคลุมเฉพาะโรงงานเกิน 50 คน และเกิน 50 แรงม้า ซึ่งขณะนี้ในประเทศมี 8 โรงงานที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.นี้ ส่วนอีก 42 โรงงานไม่ได้อยู่ในกำกับของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ 42 โรงงานที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ควบคุมไม่ถึง
นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ในส่วนของกรมการปกครองรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ซึ่งพลุเป็นส่วนประกอบของดอกไม้เพลิง นอกจากนี้ยังมีอนุบัญญัติเกี่ยวกับดอกเพลิงหลายฉบับที่กำหนดการจัดเก็บพลุ รวมถึงมีหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังนายอำเภอ ให้ตรวจสอบสถานที่จำหน่าย สถานที่จัดเก็บ และโรงงานผลิตดอกไม้เพลิง ซึ่งจากข้อมูลของกรมการปกครอง มีผู้ขออนุญาต จำหน่าย ผลิต นำเข้า ดอกไม้เพลิง กว่า 1,200 แห่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าเฉพาะฤดูกาล ส่วนโรงงานผลิตมีจำนวนน้อยมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือสั่งการไปยังนายอำเภอให้ออกตรวจตราตามอนุบัญญัติที่ออกตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ พร้อมประกาศของ 5 กระทรวง ส่วนที่ต้องปรับปรุงต้องดูปัจจัยหลายเรื่อง ทั้งจำนวนสารเคมี ระยะห่างจากชุมชนในสถานที่ตั้ง เป็นต้น
“จากข้อมูลของหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) พบว่า โรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ในส่วนของโรงงานมีหลายสัดส่วน ทั้งส่วนการผลิต ครัวทำอาหาร รวมถึงที่จัดเก็บสารเคมีที่ใช้ทำพลุ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ พัดลม เครื่องปรับอากาศ ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน จึงอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามาจากสาเหตุใด เป็นหน้าที่ของหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งเราต้องรอ แต่มองว่าในบริเวณดังกล่าวไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้อยู่ นอกจากนี้ จะให้นายอำเภอตรวจสอบทุกแห่งที่ทำพลุ ทั้งที่ขึ้นทะเบียนและไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะคิดว่าใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตพลุ ขณะที่โรงงานขนาดเล็ก กฎหมายก็เอื้อมไม่ถึง ต้องไปแก้กฎหมาย ส่วน พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไข ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการขออนุญาต และการเพิ่มบทลงโทษ” รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย