กรุงเทพฯ 13 ม.ค. – อธิบดี คพ. เผยเร่งประสาน กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล ให้เตรียมรับสถานการณ์และลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 จากแหล่งกำเนิด ช่วง 14-17 ม.ค. เหตุลมนิ่ง อัตราการระบายฝุ่นต่ำ เบื้องต้น กทม.จัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน และขอความร่วมมือหน่วยงานเครือข่ายทำงานที่บ้าน คพ.ประสานประเทศเพื่อนบ้านผ่านเลขาธิการอาเซียน ควบคุมการเผา เพื่อลดฝุ่นควันข้ามพรมแดน
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ คพ. ประสาน กทม. เตรียมรับมือและเข้มงวดการจัดการแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน หลังจาก คพ. ตรวจสอบสถานการณ์พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 14-17 มกราคม 2567 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแนวโน้มที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ขึ้นสูงในหลายพื้นที่ เนื่องมาจากอัตราการระบายอากาศที่ค่อนข้างต่ำ ลมสงบ ทำให้ฝุ่นสะสมในระดับใกล้ผิวพื้น ประกอบกับแนวลมจะเปลี่ยน จากลมใต้เป็นลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลายเป็นพื้นที่ท้ายลมที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นที่มาจากพื้นที่ใกล้เคียงได้
นางสาวปรีญาพร กล่าวว่า หลังจาก คพ. แจ้งข้อมูลสถานการณ์และประสาน กทม. ทราบว่า กทม.ได้ดำเนินการเตรียมรับมือ โดยยกระดับตรวจเข้มแหล่งกำเนิดมลพิษทุกประเภทในพื้นที่ กทม. จัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนสังกัด กทม. สำหรับเด็กเล็กและเด็กอนุบาลครบ 100% ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เข้าร่วม “เครือข่าย WFH ลดฝุ่น PM 2.5” ให้ WFH หรือทำงานที่บ้าน เพื่อลดการเดินทาง รวมทั้งเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมแคมเปญ “รถคันนี้ลดฝุ่น” โดยนำรถมาเข้ารับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง ด้วยโปรโมชันส่วนลดราคาจากศูนย์บริการถึง 55% และเพื่อลดผลกระทบการสะสมฝุ่นใน กทม. ขอให้จังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้ปริมณฑล ควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตร ตามที่ คพ.ได้แจ้งไปด้วย
สำหรับกรณีการตรวจพบข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากที่ประเทศกัมพูชา ในช่วงต้นเดือนมกราคม จากการติดตามข้อมูล Hotspot ของ GISTDA พบจำนวน Hotspot ในกัมพูชา ระหว่างวันที่ 9-11 มกราคม 2567 มีจำนวน 1566 1139 และ 1023 จุดตามลำดับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบสถานกาณ์ พร้อมโทรคุยกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้ว ซึ่งทางกัมพูชาก็ตระหนักในปัญหานี้ และได้สั่งการในเบื้องต้น
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอความร่วมมือจาก 5 ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอนุภูมิภาคแม่โขง ให้ช่วยกันป้องกันการเกิดไฟ และงดการเผาในที่โล่ง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นระหว่างกัน.-512-สำนักข่าวไทย