กรุงเทพฯ 25 ก.ค.- ที่ประชุมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายอาเซียน+คู่เจรจา เห็นพ้องกรอบปฏิบัติประจำ เน้นการต่อต้านการก่อการร้ายทางบก เตรียมนำรายละเอียดเข้าหารือในการประชุม รมต.กลาโหมอาเซียน+คู่เจรจา ที่จีน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ขณะที่ ปัญหาไอเอสในฟิลิปปินส์ หากมีการร้องขอ จะเน้นการช่วยเหลือด้านบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมจัดการประชุมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-กับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 7 (ADMM Plus EWG on CT) ระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2560 ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ โดยผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจา และสำนักเลขาธิการอาเซียน ประมาณ 100 คน
พล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ผู้บัญชาการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.) กองบัญชาการกองทัพไทย แถลง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือ และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกรอบแนวความคิดของระเบียบปฏิบัติประจำ หรือ Standard Operating Procedures (SOPs) 2019 ของการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งประเทศไทยและจีน ได้ยกร่างขึ้นจากระเบียบปฏิบัติประจำ ที่ได้รับการพัฒนาโดยสิงคโปร์และออสเตรเลีย
พล.ทชัชชัย กล่าวว่า กรอบแนวความคิดของระเบียบปฏิบัติประจำนี้ จะถูกพัฒนาเป็นระเบียบปฏิบัติประจำ และแนวทางของการต่อต้านการก่อการร้ายในกรอบการประชุม ADMM Plus ต่อไป โดยจะมุ่งเน้นในมิติการต่อต้านการก่อการร้ายทางบก จากเดิมที่มุ่งเน้นทางทะเล รวมทั้ง การยกระดับและกำหนดมาตรฐานของขีดความสามารถด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ซึ่งที่ประชุมได้เห็นพ้องในหลักการ และจะได้มีการหารือในรายละเอียดของร่างระเบียบปฏิบัติประจำดังกล่าว ในการประชุม ADMM Plus EWG on CT ครั้งที่ 8 ณ ประเทศจีน
พล.ท.ชัชชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบวัตถุประสงค์และโครงร่างระเบียบปฏิบัติประจำของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ที่ก่อตั้งโดยประเทศไทย ในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย โดยที่ประชุมขอให้ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนจัดทำรายละเอียด เพื่อนำไปพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า และจะมีการฝึกต่อต้านก่อการร้ายระหว่างประเทศสมาชิกแ ละประเทศคู่เจรจาที่ประเทศจีน ในปี 2562
“ในส่วนของประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ ซึ่งในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงความท้าทายในการเผชิญหน้าภัยการก่อการร้ายของประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจา อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่มีแนวทางเข้าช่วยเหลือทางทหารแก่ฟิลิปปินส์ ที่ถูกกลุ่มไอเอสโจมตี และยึดครองเมืองมาราวี แต่หากมีการร้องขอ ก็คงเน้นการช่วยเหลือด้านบรรเทาสาธารณภัย หรือ HADR” พล.ท.ชัชชัย กล่าว
พล.ท.ชัชชัย ยังกล่าวถึง การเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสในภูมิภาคอาเซียน ว่า ในส่วนของประเทศไทย มีแนวทางป้องกันเต็มที่ โดยตำรวจและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่เข้า-ออกประเทศ สำหรับคนที่มีรายชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกับไอเอส ได้มีการติดตามตัว และผลักดันออกนอกประเทศแล้ว ยืนยันว่า ไทยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นเป้าหมายของไอเอส
ทั้งนี้ มีรายงานว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ร้องขอความช่วยเหลือทางทหาร จากประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการประเมินว่า ปัจจัยสำคัญที่สถานการณ์ในเมืองมาราวียืดเยื้อ เนื่องจากกลุ่มไอเอสใช้วิธีล่อเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่จากนั้น จะใช้พลซุ่มยิง หรือ สไนเปอร์ โจมตี รวมถึง การวางระเบิด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ แล้ววางระเบิดซ้ำลูกที่ 2 ซึ่งสร้างความสูญเสียอย่างมากแก่กองทัพฟิลิปปินส์ .- สำนักข่าวไทย