ไทยออยล์ เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล เป็นปีที่ 8

กรุงเทพฯ 12 ธ.ค.-บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนสูงสุดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซเป็นปีที่ 8 จากการประเมินผล DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) สะท้อนมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระดับสากล และยังได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 จากการประเมินดัชนีความยั่งยืนของ S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก


นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า “จากผลการประเมินครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ไทยออยล์ยังคงรักษาผลงานอันโดดเด่นในด้านความยั่งยืนระดับสากล ด้วยนโยบายมุ่งเน้นการบูรณาการทั้ง 3 มิติ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและธรรมาภิบาล อย่างสมดุล

ในด้านสิ่งแวดล้อม ไทยออยล์กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี 2603 โดยดำเนินการตามแผนกลยุทธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของบริษัทด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง 


สำหรับด้านสังคม ไทยออยล์ได้ดำเนินโครงการต่างๆ ให้กับชุมชนรอบโรงกลั่นและสังคมที่อยู่ห่างไกล ครอบคลุมด้านการศึกษา ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลังงาน และคุณภาพชีวิต ผ่านโครงการต่างๆ โดยในปีนี้ได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับโรงพยาบาล 3 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 5 แห่ง ในจังหวัดตาก ส่วนด้านธรรมาภิบาล มีนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี ดำเนินงานอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต่อต้านการทุจริต ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นปีที่ 4 รวมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และในด้านธุรกิจ ไทยออยล์ได้มีการยกระดับแผนกลยุทธ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ควบคู่กับกำหนดเป้าหมายสัดส่วนกำไรระยะยาวในปี 2573 ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก และลดผลกระทบจากความผันผวนของธุรกิจการกลั่นน้ำมัน โดยมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยออยล์มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จระดับโลก ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 8 แล้วที่ไทยออยล์ได้รับการประเมินอยู่ในอันดับสูงสุด และยังได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI เป็นปีที่ 11 ต่อเนื่อง ซึ่งการประเมินดังกล่าวสะท้อนถึงมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ พัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในระดับสากล มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมทั้งดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นองค์กรที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การเป็นองค์กร 100 ปี.-511-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]